คำสั่งคำร้องที่ 2719/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกานี้ศาลอุทธรณ์ส่งมาพร้อมกับคำสั่งคำร้องที่ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงโดยส่งมาถึงศาลนี้เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2533 ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ยื่นฎีกาต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด 1 เดือน และไม่มีกฎหมายกำหนดให้ยื่นฎีกาต่อศาลอุทธรณ์ได้ การที่จำเลยยื่นฎีกาและคำร้องขอให้ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาต่อศาลอุทธรณ์ไม่ถือว่าเป็นการยื่นฎีกาตามกฎหมายจึงไม่รับฎีกาจำเลยเพราะยื่นเกินกำหนด 1 เดือน
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยโดยปราศจากพยานหลักฐานว่าจำเลยใช้เอกสารจ.2, จ.5 โดยรู้ว่าเป็นเอกสารปลอม และคดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นอันเป็นการแก้มากจึงไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง อนึ่ง การยื่นฎีกาของจำเลยมีเจตนายื่นฎีกาภายในกำหนด 1 เดือน โดยจำเลยยื่นฎีกาต่อศาลอุทธรณ์ในวันที่ 29 สิงหาคม 2533 เพื่อให้ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์รับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง แต่ศาลอุทธรณ์ส่งคำสั่งที่ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงและฎีกาของจำเลยไปถึงศาลชั้นต้นพ้นกำหนดอายุยื่นฎีกาเพราะความล่าช้าของระบบราชการ มิใช่ความผิดของจำเลยอันเป็นเหตุสุดวิสัยที่จำเลยจะนำฎีกาของจำเลยไปยื่นต่อศาลชั้นต้นได้ด้วยตนเอง โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 158,165)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 266 จำนวน 2 กระทง และผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 วรรค 1 ประกอบด้วยมาตรา 266 อีก 2 กระทงแต่ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรค 1 ประกอบด้วยมาตรา 266 เพียง 2 กระทง ตามความในมาตรา 268 วรรค 2ให้จำคุกจำเลยกระทงละ 1 ปี 6 เดือน รวม 2 กระทง เป็นโทษจำคุก3 ปี ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 ฯลฯ
ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ในคดีความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คศาลอุทธรณ์ให้จำหน่ายคดีในความผิดดังกล่าว
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบกับมาตรา 266 ให้จำคุกมีกำหนด 1 ปี 6 เดือน ยกฟ้องข้อหาปลอมเช็ค นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้คู่ความฟังเมื่อวันที่30 กรกฎาคม 2533
จำเลยยื่นฎีกาพร้อมคำร้องขอให้ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต่อศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2533ศาลอุทธรณ์มีคำสั่ง เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2533 อนุญาตให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง (อันดับ 148,147,150)
ศาลอุทธรณ์ส่งฎีกาของจำเลยมายังศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าวลงวันที่ 4 กันยายน 2533(อันดับ 148,151)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 158,165)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยได้ยื่นคำร้องขออนุญาตให้ฎีกาพร้อมด้วยคำฟ้องฎีกาต่อศาลอุทธรณ์ เพื่อให้ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งพิจารณาคดีนี้สั่งภายในกำหนดอายุฎีกาแล้ว จำเลยอาจเห็นเป็นข้อจำเป็นที่ต้องส่งต้นฉบับคำฟ้องฎีการวมไปกับคำร้องขออนุญาตให้ฎีกา เพื่อให้ผู้พิพากษาที่จะอนุญาตให้ฎีกาได้ตรวจโดยละเอียดว่าสมควรจะอนุญาตให้ฎีกาหรือไม่ กรณีพอถือได้ว่าจำเลยได้ยื่นฎีกาภายในกำหนดอายุฎีกา เมื่อปรากฏว่าผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ที่พิจารณาคดีนี้เห็นว่าข้อความที่ตัดสินเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุดและอนุญาตให้ฎีกา จึงให้รับฎีกาของจำเลยไว้และให้ศาลชั้นต้นดำเนินการต่อไป

Share