แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยขอให้ศาลสั่งปล่อยชั่วคราวในระหว่างฎีกา โดยผู้ขอประกันได้เสนอบัญชีทรัพย์มาพร้อมคำร้องแล้ว
หมายเหตุ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80, มาตรา 371พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7,8 ทวิ,72,72 ทวิ ลงโทษฐานพยายามฆ่าจำคุก 10 ปี ฐานมีอาวุธปืน จำคุก 1 ปี ฐานพาอาวุธปืนลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 1 ปี รวมจำคุก 12 ปี คำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนและทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 8 ปีคำขออื่นยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7,8 ทวิ วรรคแรก,72วรรคสาม และ 72 ทวิ วรรคสอง ให้ลงโทษฐานมีอาวุธปืน จำคุก 6 เดือนฐานพาอาวุธปืนลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นบทหนักจำคุก6 เดือน รวมจำคุก 1 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 แล้ว คงจำคุกจำเลย 6 เดือน เมื่อรวมโทษจำคุกฐานฆ่าผู้อื่นแล้วรวมจำคุกจำเลย 6 ปี กับ 14 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยยื่นคำร้องดังกล่าว โดยมีคำร้องประกอบของผู้ขอประกัน(อันดับ 143,141)
ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวในระหว่างพิจารณาแต่ต่อมามีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวต่อไป (อันดับ 4,47)ส่วนในชั้นอุทธรณ์ ศาลฎีกาอนุญาตให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวโดยตีราคาประกัน 450,000 บาท (อันดับ 126)
คำสั่ง
อนุญาตให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวในระหว่างฎีกา ตีราคาค่าประกันหกแสนบาท ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาหลักประกันและหลักประกันเพิ่มแล้วดำเนินการต่อไป