แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาทจึงต้องห้ามฎีกา ในข้อเท็จจริง ที่จำเลยฎีกาตามข้อ (ข) อ้างว่าเป็นปัญหา ข้อกฎหมายนั้นเป็นเพียงการฎีกาข้อเท็จจริงที่ศาลใช้เป็นเหตุผล วินิจฉัยว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่พิพาท เพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมาย ตามที่จำเลยต้องการ จึงต้องห้าม มีคำสั่งไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมาย และเป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยชี้ขาดจากศาลสูงสุดโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 216)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่พิพาทของโจทก์ ห้ามเข้ามาเกี่ยวข้องอีกต่อไป
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา (อันดับ 210)
จำเลยยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 213)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ฎีกาของจำเลยข้อ ข. สรุปความได้ว่า จำเลย โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2534มาตรา 18 ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ยกคำร้อง