แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา แต่เนื่องจากโจทก์ได้ยื่นฟ้องจำเลยกับพวกต่อศาลจังหวัด นครนายกเป็นคดีอาญาข้อหาปลอมเอกสารสิทธิใช้เอกสารสิทธิปลอม เบิกความเท็จ (คดีอาญาหมายเลขดำที่ 704/2537 ของศาลจังหวัด นครนายก) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบพยานโจทก์และจำเลย จำเลยมีความประสงค์ขอให้งดการพิจารณาและมีคำพิพากษาฎีกา ในคดีนี้ไว้ก่อน เพื่อจำเลยจะได้นำคำพิพากษาของศาลอาญา มาประกอบการพิจารณาของศาลฎีกาต่อไป โปรดอนุญาต หมายเหตุ ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินจำนวน 650,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน 100,000 บาท,250,000 บาท และ 300,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 2532, วันที่ 9 กันยายน 2532 และวันที่ 4 มกราคม 2533 เป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ย จนถึงวันที่ 19 มีนาคม 2536 อันเป็นวันฟ้องต้องไม่เกิน 56,299.32 บาท, 64,929.84 บาท และ 71,938.08 บาท ตามลำดับ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน จำเลยฎีกา และยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 107,118)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว คดีนี้มิใช่คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับ คดีอาญา ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลจึงไม่จำต้องถือ ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา อีกทั้งคดีนี้ คู่ความต่างก็ได้นำสืบพยานหลักฐานไว้เพียงพอที่จะชี้ขาด ประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีได้แล้วจึงไม่มีความจำเป็นจะต้อง รอฟังผลคดีอาญาที่โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้น ฐานปลอม เอกสารสิทธิ ใช้เอกสารสิทธิปลอม และเบิกความเท็จ ตามคดี หมายเลขดำที่ 704/2537 ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ