แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า คดีนี้ จำเลยที่ 2 นำส่งสำเนาฎีกาให้แก่โจทก์ โดยวิธีปิดหมายเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2538 ซึ่งเป็นวันอาทิตย์ โจทก์ไม่ได้ทำการและมีบุคคลอื่นเก็บสำเนาฎีกาดังกล่าวไป เพิ่งจะนำมามอบให้โจทก์เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2538 ซึ่งล่วงเลยกำหนดระยะเวลายื่นคำแก้ฎีกาแล้ว โจทก์ไม่มีเจตนา ที่จะไม่ยื่นคำแก้ฎีกา โปรดมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลา ยื่นคำแก้ฎีกาออกไป 15 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งอนุญาต ให้โจทก์ยื่นคำแก้ฎีกาได้ หมายเหตุ จำเลยที่ 2 แถลงคัดค้าน (อันดับ 122) ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงินจำนวน1,831,867 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่ง ต่อปีของต้นเงิน 1,820,489 บาท นับแต่วันที่ 9 สิงหาคม 2534 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์นับแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2534 จนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยที่ 2 ฎีกา และนำส่งสำเนาฎีกาให้แก่โจทก์ได้ โดยวิธีปิดหมายเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2538 ต่อมาเจ้าหน้าที่ศาลรายงานว่าพ้นกำหนดระยะเวลาแก้ฎีกาแล้ว โจทก์ไม่ยื่นคำแก้ฎีกาเข้ามา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รวบรวมถ้อยคำสำนวนส่งศาลฎีกา (อันดับ 104,114,115) โจทก์ยื่นคำร้องนี้ ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ส่งศาลฎีกา (อันดับ 117,124)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าโจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำแก้ฎีกาภายหลังสิ้นระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดทั้งพฤติการณ์จากข้อเท็จจริงตามทางไต่สวนก็มิใช่เหตุสุดวิสัยจึงให้ยกคำร้อง