แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอนำที่ดินแปลงที่จำนองไว้กับโจทก์วาง เป็นหลักประกันในการอุทธรณ์คำสั่ง ศาลชั้นต้นสั่งว่า เป็นกรณีผู้อุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกาและที่ดินที่จำเลยอ้างอยู่ในคดีนี้อยู่แล้ว หาใช่เป็นค่าฤชาธรรมเนียมและเงินชำระตามคำพิพากษา หรือหลักประกันมาวางต่อศาล จึงให้จำเลยนำค่าฤชาธรรมเนียมและ เงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ต่อศาลภายใน 15 วัน
จำเลยเห็นว่า ไม่มีกฎหมายบทบัญญัติใด มาตราใด ที่ห้ามมิให้นำหลักทรัพย์แปลงที่จำนองนี้วางเป็นหลักประกันต่อศาลได้ และไม่มีกฎหมายใดที่ให้อำนาจแก่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งห้ามมิให้ นำหลักทรัพย์ในคดีมาวางเป็นหลักประกันแต่อย่างใด และจำเลย ได้ชำระค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความที่ใช้แทนแก่ฝ่ายโจทก์ไว้ด้วยแล้วเช่นกัน โปรดมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยนำที่ดินแปลง ที่จำนองไว้กับโจทก์มาวางเป็นหลักประกันในคดีนี้ด้วย
หมายเหตุ ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องหรือไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 49,733.30 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 32,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินตามโฉนดเลขที่ 21059ตำบลหนองบุ อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาด
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย
จำเลยฎีกาศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา (อันดับ 51)
จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอนำที่ดินแปลงที่จำนองไว้กับโจทก์วางเป็นหลักประกัน ในการอุทธรณ์คำสั่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 53)
จำเลยยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 55)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ทรัพย์จำนองของจำเลยที่เป็นหลักประกันอยู่ในคดีนี้ถือได้ว่าเป็นหลักประกันสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงตลอดจนหนี้ตามคำพิพากษาของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 และเมื่อตามสัญญาจำนองมิได้ระบุว่าหากบังคับจำนองแล้วได้เงินไม่พอชำระหนี้ จำเลยผู้จำนองจะต้องรับผิดในส่วนที่ยังขาดอยู่ หลักทรัพย์ ที่จำนองก็ถือว่าเพียงพอสำหรับหนี้ตามคำพิพากษาแล้ว จึงให้ รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณา