คำสั่งคำร้องที่ 2628/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้มีทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท และผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นมิได้รับรอง ให้ฎีกาในข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริง จึงไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 2 คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกา ให้จำเลยที่ 2 ทั้งหมด จำเลยที่ 2 เห็นว่า ฎีกาที่ว่า “โจทก์มิได้มอบอำนาจให้ นายขรรค์ชัยโรจน์วิเชียร ฟ้องคดีนี้แทน หนังสือมอบอำนาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ตามกฎหมาย”และฎีกาที่ว่า สัญญาเช่าซื้อตามฟ้องเป็นโมฆะหรือไม่ล้วนเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยที่ 2 ไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกัน ชำระเงินจำนวน 80,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรา ร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้อง (วันที่ 7 ธันวาคม 2536) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 63) จำเลยที่ 2 จึงยื่นคำร้องนี้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง ให้จำเลยที่ 2 นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมศาลและนำเงิน มาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันมาวางภายใน 7 วันแต่จำเลยที่ 2 มิได้หาประกันหรือนำเงินมาวางศาลภายในกำหนด ศาลชั้นต้นจึงให้ส่งศาลฎีกาเพื่อพิจารณาสั่ง (อันดับ 65,66)

คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยที่ 2 นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันมาวางภายใน 7 วันแต่จำเลยที่ 2 มิได้หาประกันหรือนำเงินมาวางศาลภายในกำหนด ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ทิ้งคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ประกอบด้วยมาตรา 246 และมาตรา 247 ให้ยกคำร้อง

Share