แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่าฎีกาของจำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 218 ไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่าฎีกาทีว่าทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษา ลงโทษจำคุกจำเลยโดยขาดองค์ประกอบแห่งการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ เนื่องจากทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มิได้ยกเรื่องเจตนา ขึ้นประกอบในการพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย เป็นปัญหาข้อกฎหมาย ส่วนในปัญหาข้อเท็จจริงที่ว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ เป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่สำคัญที่ศาลฎีกาควรรับวินิจฉัย โปรดมี คำสั่งรับฎีกาของจำเลยด้วย
หมายเหตุ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1)(9) ให้จำคุก 6 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีอยู่บ้าง อันเป็นเหตุ บรรเทาโทษ ให้ลงโทษแก่จำเลยหนึ่งในสาม คงจำคุก 4 ปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 55)
จำเลยยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 58)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยฎีกาว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ต่างมิได้ยกเรื่องเจตนาขึ้นมาประกอบในการพิพากษาลงโทษจำเลย เป็นการพิพากษาโดยขาดองค์ประกอบแห่งการกระทำความผิด อันเป็นปัญหาข้อกฎหมายนั้น ถือว่าเป็นการฎีกาคัดค้านการใช้ ดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานนั่นเอง ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง หาใช่เป็นปัญหาข้อกฎหมายไม่และที่อ้างว่า ข้อเท็จจริงที่จำเลยฎีกาเป็นข้อเท็จจริงที่สำคัญนั้นก็เป็น ปัญหาข้อเท็จจริงที่ต้องห้ามฎีกาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218ที่ศาลชั้นต้น สั่งไม่รับฎีกานั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้องของ จำเลย