แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาโจทก์เป็นฎีกาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220จึงไม่รับ
โจทก์เห็นว่า โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า เช็คพิพาทที่จำเลยออกให้แก่โจทก์เป็นเช็คที่ออกเพื่อชำระหนี้หรือไม่ และการที่รับฟังว่าเช็คพิพาทเป็นเช็คค้ำประกันนั้นเป็นการรับฟังพยานหลักฐานผิดไปจากพยานหลักฐานในท้องสำนวน โปรดกลับคำสั่งของศาลชั้นต้น และสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยที่ 1 และที่ 2 ต่างได้รับสำเนาคำร้องแล้ว(อันดับ 108 แผ่นที่ 4,104 แผ่นที่ 6)
โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีโจทก์มีมูล มีคำสั่งให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 101)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 103)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ที่โจทก์ฎีกาว่า การที่ศาลรับฟังว่าเช็คพิพาทเป็นเช็คค้ำประกันเป็นการรับฟังพยานหลักฐานผิดไปจากพยานหลักฐานในท้องสำนวนนั้นเห็นว่าข้อที่โจทก์ฎีกามานี้เป็นข้อที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในสำนวนโดยแท้ หาใช่ฟังข้อเท็จจริงผิดไปจากพยานหลักฐานในท้องสำนวนแต่อย่างใดไม่ข้อกฎหมายที่โจทก์อ้างเป็นฎีกาขึ้นมาจึงไม่มี ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง