แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยทั้งสองฎีกา เนื่องจากความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 เป็นความผิดอันยอมความได้บัดนี้จำเลยทั้งสองและโจทก์ร่วมสามารถตกลงกันได้ โดยจำเลยที่ 2 ได้ชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ร่วมเป็นที่พอใจแล้วโจทก์ร่วม จึงไม่ประสงค์ที่จะดำเนินคดีในความผิดฐานฉ้อโกงกับจำเลย ทั้งสองอีกต่อไปจึงขอถอนคำร้องทุกข์สำหรับความผิดฐานนี้เสียโปรดอนุญาต ส่วนความผิดตามมาตรา 265,268 ซึ่งยอมความไม่ได้นั้น โจทก์ร่วมก็ไม่ติดใจเอาความกับจำเลยทั้งสอง สุดแล้วแต่ศาลจะปรานีแก่จำเลยทั้งสอง
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้วไม่คัดค้าน(อันดับ 194)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสอง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265,268,341,83,33
ระหว่างพิจารณา นางวาสนา ขันทับทิม ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265,268 วรรคสอง,83,341 เป็นผิด กรรมเดียวต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 268 วรรคสอง ประกอบมาตรา 265 ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด จำคุก 4 ปี จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268,83,341 เป็นความผิด กรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 268 วรรคแรกประกอบมาตรา 265 ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด ให้จำคุก 4 ปีสัญญาค้ำประกันเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำผิดให้ริบ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา (อันดับ 181,183)
คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา
โจทก์ร่วมยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 194)
คำสั่ง
คดีนี้เฉพาะความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341เป็นคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัว และยังไม่ถึงที่สุด ผู้เสียหาย จะถอนคำร้องทุกข์เสียเมื่อใดก็ได้ เมื่อผู้เสียหายซึ่งเป็น โจทก์ร่วมถอนคำร้องทุกข์แก่จำเลยทั้งสอง สิทธินำคดีอาญา มาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) ให้จำหน่ายคดีสำหรับจำเลยทั้งสองเฉพาะความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 เสียจากสารบบความ