แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง ฎีกาของจำเลยเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 จึงไม่รับฎีกาของจำเลย คืนค่าขึ้นศาลทั้งหมด
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นการต่อสู้ในประเด็นข้อกฎหมายว่า การบอกเลิกสัญญาเช่าไม่ชอบและฟ้องของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้ พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 73)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารออกจากตึกแถวเลขที่ 1100/5 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตย เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร และส่งมอบคืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อย ให้จำเลย ใช้ค่าเสียหายเดือนละ 5,000 บาท แก่โจทก์ นับแต่วันฟ้อง(วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2535) เป็นต้นไปจนกว่าจะยอมออกจากตึกแถวพิพาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงินค่าเสียหายแต่ละงวดนับแต่วันถึงกำหนดชำระค่าเสียหาย แต่ละงวดเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 67)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 69)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยฎีกาอ้างว่าการบอกกล่าวเลิก สัญญาเช่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะมิได้ส่งให้ ณ ภูมิลำเนาของ จำเลยนั้น เป็นการอ้างข้อต่อสู้คนละเหตุกับที่อ้างไว้ใน ศาลชั้นต้น จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง