แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 1 ที่ 3 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของ จำเลยที่ 1 และที่ 3 ในข้อที่ 2 และข้อที่ 3เป็นฎีกาปัญหา ข้อเท็จจริงซึ่งทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ส่วนฎีกาข้อ 1 และข้อ 4 แม้เป็น ฎีกาข้อกฎหมาย แต่ก็ไม่เป็นสาระแก่คดีตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง และมาตรา 249 วรรคหนึ่ง จึงไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 3
จำเลยที่ 1 ที่ 3 เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลย ทั้งสามร่วมกันใช้เงินจำนวน 300,000 บาท คดีจึงเป็นทุนทรัพย์ เกินกว่า 200,000 บาท ไม่ต้องฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงและ ฎีกาข้อ 1 และข้อ 4 ก็เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วย ความสงบเรียบร้อยของประชาชนในเรื่องฟ้องโจทก์ เคลือบคลุมและอำนาจฟ้องของโจทก์ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกา ของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ด้วย
หมายเหตุ โจทก์ทั้งสองได้รับสำเนาคำร้องแล้ว(สำนวนตอน 2 อันดับ 15 แผ่นที่ 3 ที่ 4)
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน ให้จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3ร่วมกันชำระเงินให้โจทก์ทั้งสองจำนวน 91,200 บาท พร้อมดอกเบี้ย อัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในต้นเงิน 15,000 บาท นับแต่วันทำ ละเมิดจนกว่าจะชำระเสร็จ คดีสำหรับจำเลยที่ 2ให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 1 ที่ 3 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว(สำนวนตอน 2 อันดับ 12)
จำเลยที่ 1 ที่ 3 จึงยื่นคำร้องนี้(สำนวนตอน 2 อันดับ 14 แผ่นที่ 2)
คำสั่ง
คดีนี้ทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาทต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรก ส่วนฎีกาข้อ 1 เรื่องฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่ และฎีกาข้อ 4 ในข้อที่ว่าจำเลยที่ 3 ไม่ต้องร่วมรับผิดกับ จำเลยที่ 1 เพราะเป็นเรื่องอยู่นอกวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 3 นั้นก็เป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคแรกศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 ชอบแล้วให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ