คำสั่งคำร้องที่ 246/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 ไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย กล่าวคือ ความผิดฐานมีฝิ่น มูลฝิ่น และกล้องสูบฝิ่นพร้อมอุปกรณ์การสูบฝิ่นไว้ในความครอบครองนั้น จากข้อเท็จจริงที่ยุติว่า จับจำเลยกับนายเซียะได้ที่บ้านพักของนายเซียะและได้ของกลางที่บ้านนายเซียะการที่จำเลยเข้าไปอยู่ในบ้านของนายเซียะขณะถูกจับกุมนั้น จำเลยจะเป็นผู้ครอบครองของกลางดังกล่าวด้วยหรือไม่ ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ส่วนความผิดฐานเสพฝิ่นโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า ศาลอุทธรณ์รับฟังข้อเท็จจริงนอกเหนือไปจากคำพยานจำเลยอันเป็นการผิดกฎหมาย นอกจากนั้น คดีนี้ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงในปัญหาที่ว่าเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อนหรือไม่ นอกเหนือไปจากคำเบิกความของพยานเป็นการรับฟังข้อเท็จจริงนอกสำนวนอันเป็นปัญหาข้อกฎหมาย และการที่ศาลล่างรับฟังว่าจำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนนั้น จำเลยก็นำสืบแล้วว่า จำเลยลงชื่อในบันทึกการจับกุมเท่านั้น มิใช่คำให้การบันทึกขณะนั้นไม่มีคำว่ารับสารภาพอยู่เลย เป็นการต่อเติมคำว่ารับสารภาพในภายหลัง ซึ่งสามารถตรวจเห็นความพิรุธจากตัวอักษรและสีหมึกได้ด้วยตาเปล่า โดยไม่ต้องฟังข้อเท็จจริงอื่นใดอีก ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมาย อีกทั้งจำเลยได้นำสืบหักล้างผลการตรวจปัสสาวะว่าผลเช่นนั้นใช้ยันจำเลยไม่ได้ เพราะอาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆดังคำพยานของจำเลย การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์นำมาลงโทษจำเลยจึงเป็นการรับฟังข้อเท็จจริงโดยผิดกฎหมาย เพราะเมื่อกรณีเป็นที่สงสัย สมควรยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย เพราะจำเลยไม่เคยมีประวัติเกี่ยวกับยาเสพติดมาก่อน โปรดพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ปล่อยจำเลยพ้นข้อหาไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 116)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติฝิ่นพ.ศ. 2472 มาตรา 53,53 ทวิ,66 ฯลฯ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83,91 ฯลฯ ฐานมีฝิ่นโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 3 ปี ฐานมีมูลฝิ่นโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน ฐานเสพฝิ่น จำคุก 6 เดือนและฐานมีกล้องสูบฝิ่น ปรับ 500 บาท รวมจำคุก 4 ปี ปรับ 500 บาทไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29,30และให้นับโทษต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 284/2527 ของศาลนี้ส่วนคำขอให้นับโทษต่อจากคดีหมายเลขดำที่ 4945/2527 ของศาลนี้ให้ยกเสียเพราะคดีดังกล่าวยังมิได้พิพากษา ของกลางริบ
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 114)
ทนายจำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 116)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ลงโทษจำเลยแต่ละกระทงจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับ จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218พิจารณาฎีกาของจำเลยทั้งหมดแล้ว เห็นว่าเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น จึงต้องห้ามมิให้ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ยกคำร้อง

Share