แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า ผู้ร้องฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ฎีกาของผู้ร้องเป็นปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อคดีนี้ทุนทรัพย์ ที่พิพาทในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกา ในข้อเท็จจริง ไม่รับฎีกาผู้ร้องขัดทรัพย์ คืนค่าขึ้นศาล ให้ผู้ร้องขัดทรัพย์ ผู้ร้องเห็นว่า ฎีกาที่ว่า คำพิพากษาของศาลชั้นต้น ไม่ชอบด้วยกฎหมายและศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณา โดยผิดระเบียบกับศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไม่รับวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวตามที่ผู้ร้องอุทธรณ์ จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน โปรดมีคำสั่งรับฎีกา ของผู้ร้องไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์และจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว(อันดับ 79,80) คดีสืบเนื่องจากโจทก์ได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึด บ้านเลขที่ 329 หมู่ที่ 3 ตำบลนิคมห้วยผึ้งอำเภอห้วยผึ้งจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยอ้างว่าเป็นทรัพย์ของจำเลยเพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษา ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าบ้านพิพาทเป็นของผู้ร้องโดยซื้อมาจากนายชาลีทิพย์เสนามิใช่บ้านของจำเลย โจทก์ไม่มีสิทธินำยึด ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดคืนแก่ผู้ร้อง ศาลชั้นต้นพิพากษายกคำร้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน ผู้ร้องฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 74) ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 77)
คำสั่ง คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่า บ้านพิพาทเป็นสินสมรสระหว่างจำเลยกับนายชาลีนายชาลีไม่มีสิทธินำบ้านพิพาททั้งหลังไปขายให้แก่ผู้ร้อง ผู้ร้องฎีกาว่า บ้านพิพาทมิใช่สินสมรสในขณะที่นายชาลีขายให้แก่ผู้ร้อง เป็นการโต้แย้งข้อเท็จจริง ส่วนฎีกาข้ออื่นของผู้ร้องล้วนเป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรกที่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของผู้ร้องชอบแล้ว ให้ยกคำร้องค่าคำร้องเป็นพับ