แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 จึงไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยมิได้มีแต่เฉพาะข้อเท็จจริงเพียงอย่างเดียว หากแต่มีปัญหาข้อกฎหมายรวมอยู่ด้วย ซึ่งปัญหามีอยู่ว่ากระดาษจดหมายเลขสลากกินรวบที่โจทก์ได้แนบมาท้ายฟ้องนั้นมีลักษณะเป็นใบโพยอันจะเป็นความผิดฐานเล่นการพนันสลากกินรวบหรือไม่และจะรับฟังลงโทษจำเลยได้เพียงใดหรือไม่ ปัญหาเหล่านี้ถึงแม้ว่าจะมิได้หยิบยกขึ้นในศาลชั้นต้นก็ตาม แต่ก็เป็นปัญหาสำคัญต่อสิทธิเสรีภาพอันควรขึ้นสู่การพิจารณาของศาลฎีกา นอกจากนี้กรณียังมีเหตุอันควรที่ศาลจะรอการลงโทษให้แก่จำเลยเป็นอย่างยิ่งโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 27)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4,5,6,10,12,15 จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง จำคุก 3 เดือน และปรับ 2,500 บาท โทษจำคุกให้รอไว้ 2 ปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งแล้วคงจำคุก 2 เดือน โดยไม่ปรับ ไม่รอการลงโทษ และไม่ต้องจ่ายสินบนนำจับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 26)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 27)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าคดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 ให้จำคุก 3 เดือน ปรับ 2,500 บาทโทษจำคุกให้รอไว้ 2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุก2 เดือน ไม่ปรับ ไม่รอการลงโทษ เป็นการแก้ไขมากและเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลย จึงไม่ต้องห้ามจำเลยที่จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2532 มาตรา 12จึงให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาให้ศาลชั้นต้นส่งสำเนาฎีกาให้โจทก์แก้ภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันรับ