แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยขอให้ศาลมีคำสั่งปล่อยชั่วคราวในระหว่างฎีกาโดยผู้ขอประกันได้เสนอบัญชีทรัพย์มาพร้อมคำร้องแล้ว
หมายเหตุ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง ซึ่งระวาง โทษจำคุกตั้งแต่สิบสองปีถึงยี่สิบปี ปรากฏว่าขณะกระทำความผิด จำเลยอายุสิบเจ็ดปีสามเดือน และทรัพย์ที่จำเลยปล้นเอาไปมีราคา เล็กน้อย ทั้งผู้เสียหายก็ได้รับทรัพย์ดังกล่าวคืนไปแล้ว เห็นควรลงโทษจำเลยสถานเบาและลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่ง วางโทษจำคุกหกปีจำเลยรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน ทั้งเป็นผู้พาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปนำยึดเสื้อของกลาง ถือว่าการกระทำ ของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี ลดโทษจำเลยกึ่งหนึ่ง คงจำคุกสามปีคำขอนอกจากนี้ให้ยก คดีนี้เนื่องจากจำเลยมีอายุน้อยและกำลังศึกษาเล่าเรียนอยู่ ศาลจึงได้ปรานีลงโทษจำเลย สถานเบาแต่ไม่อาจรอการลงโทษให้จำเลยได้ เพราะโทษจำคุกจำเลยมีกำหนดเกินกว่าสองปีต้องห้ามมิให้รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยยื่นคำร้องดังกล่าว โดยมีคำร้องประกอบ (สำนวนธุรการอันดับ 19,18)
ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวทั้งในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ โดยในชั้นอุทธรณ์ตีราคาประกัน 150,000 บาท (สำนวนธุรการ อันดับ 2,9 แผ่นที่ 2)
คำสั่ง
คดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จำเลยยังไม่ได้ยื่นฎีกาจึงไม่มีเหตุที่จะปล่อยชั่วคราวในระหว่างนี้ ให้ยกคำร้อง