แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีนี้ ราคาทรัพย์สินที่พิพาทในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง จึงไม่รับฎีกาโจทก์ คืนค่าขึ้นศาลให้โจทก์ทั้งหมด โจทก์เห็นว่า ฎีกาที่ว่า การที่ศาลอุทธรณ์นำกฎหมายอื่นที่ไม่ตรงกับประเด็นแห่งคดีมาวินิจฉัยคดีนี้ เป็นปัญหาข้อกฎหมาย และคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับฎีกาของจำเลยโดยไม่แสดงเหตุผลประกอบเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายโปรดมีคำสั่งรับฎีกาของโจทก์ด้วย หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 199 แผ่นที่ 2) โจทก์ฟ้องขอให้บังคับขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่พิพาท ให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่พิพาททำให้กลับคืนสู่ สภาพเดิม หากจำเลยไม่กระทำให้โจทก์กระทำเองโดยให้จำเลย ออกค่าใช้จ่าย ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 191) โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 195)
คำสั่ง คดีนี้ทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาทต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคหนึ่ง แม้ว่าเรื่องอำนาจฟ้องจะเป็นปัญหาข้อกฎหมาย แต่ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยมิได้บุกรุกที่ดินของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง การที่โจทก์ฎีกาว่าในการรังวัดแบ่งแยกโฉนดที่ดิน โจทก์สามารถพิสูจน์ได้ว่าจำเลยรุกล้ำแนวเขตที่ดินของโจทก์ จึงเป็นการฎีกาในข้อเท็จจริง เพื่อนำไปสู่ข้อกฎหมายเรื่องอำนาจฟ้อง จึงมีผลเช่นเดียวกัน กับการฎีกาในข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์นั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง