คำสั่งคำร้องที่ 234/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยที่ 1 มิได้นำเงินค่าขึ้นศาลมาวางภายในเวลาที่ศาล ขยายให้ จึงให้เพิกถอนคำสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 1 และมี คำสั่งใหม่ว่า ไม่รับฎีกาจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 เห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งคนละวัน กับวันที่จำเลยยื่นคำร้องโดยให้จำเลยที่ 1 วางเงินค่าขึ้นศาล ชั้นฎีกาภายในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2537 ซึ่งมีเวลา ทั้งสิ้น 5 วัน นั้น เป็นระยะเวลาที่ไม่พอสมควร ทำให้ทนาย จำเลยที่ 1 ไม่สามารถมาชำระค่าขึ้นศาลได้ทัน ขอให้ศาลอุทธรณ์ มีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ 1 วางเงินและรับฎีกาของจำเลยที่ 1 หรือไต่สวนคำร้องขออนุญาตวางเงินต่อไปด้วย หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 223,541.66 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่ง ต่อปี ในต้นเงิน 200,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยที่ 1 ฎีกา พร้อมกับขอขยายเวลาวางเงินค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2537 ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2537 ว่าโจทก์ยื่นฎีกาเกินกำหนด จึงไม่รับฎีกาของโจทก์และยกคำร้อง วันที่ 25 ตุลาคม 2537 จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฎีกาขอแก้ชื่อผู้ฎีกา จากโจทก์เป็นจำเลยที่ 1 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2537 ว่า อนุญาตและสั่งฎีกาของจำเลยที่ 1 ใหม่ว่า รับฎีกาของจำเลยที่ 1 และอนุญาตให้จำเลยที่ 1 วางเงิน ค่าขึ้นศาลได้ภายในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2537 หากไม่วาง ภายในกำหนด ถือว่าทิ้งฟ้องฎีกา ต่อมาวันที่ 3 พฤศจิกายน 2537 จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขออนุญาตวางเงินค่าขึ้นศาลชั้นฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2537 ไม่อนุญาตให้ จำเลยที่ 1 วางเงิน ยกคำร้อง และมีคำสั่งในฎีกาของ จำเลยที่ 1 ใหม่ ไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 92,102) จำเลยที่ 1 จึงยื่นคำร้องนี้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 พอแปลได้ว่าเป็นการยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกา และเป็นการขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลในชั้นฎีกา ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับคำสั่งไม่รับฎีกาแต่จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องเมื่อพ้นกำหนด 15 วัน และไม่นำเงิน มาชำระตามคำพิพากษาหรือได้หาประกันไว้ต่อศาลภายในกำหนด ดังกล่าว จึงให้รวมส่งศาลฎีกาเพื่อพิจารณาสั่ง (อันดับ 105)

คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว เดิมศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยที่ 1วางเงินค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาได้ภายในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2537แต่ไม่ได้แจ้งคำสั่งให้จำเลยที่ 1 ทราบและกรณีไม่อาจถือว่าจำเลยที่ 1 ทราบคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวแล้วได้ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับเงินค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาของจำเลยที่ 1เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2537 และมีคำสั่งไม่รับฎีกา ของจำเลยที่ 1 ต่อมานั้น จึงเป็นการไม่ชอบ เมื่อศาลชั้นต้น สั่งรับฎีกาไว้แล้ว และการดำเนินการดังกล่าวเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นทำแทนศาลฎีกา ถือว่าคำสั่งรับฎีกาของศาลชั้นต้นยังมีผลอยู่ และคดีปรากฏเหตุที่ศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยคำสั่งเมื่อสำนวนมาสู่ศาลฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้องได้ ให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้จำเลยที่ 1 วางเงินค่าขึ้นศาลชั้นฎีกา ภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันที่ทราบคำสั่งก่อน แล้วให้ ศาลชั้นต้นดำเนินการต่อไป

Share