แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงไม่รับเนื่องจากต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ที่แก้ไขแล้วจำเลยเห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย1 เดือน และปรับ 1,000 บาท โทษจำคุกรอไว้ 1 ปี แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่รอการลงโทษและไม่ปรับ แต่ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นโทษกักขัง 1 เดือน เป็นการพิพากษาแก้ไขมากและเพิ่มเติมโทษจำเลย จึงไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 31,32)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 ข้อ 56,83 จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 1,000 บาท โทษจำคุกให้รอไว้ 1 ปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่รอการลงโทษและไม่ปรับแต่ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นโทษกักขัง 1 เดือนแทน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 28)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 29)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 2 ปี แม้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าไม่รอการลงโทษโดยให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขัง 1 เดือนก็ตามก็เป็นการแก้ไขเล็กน้อย และไม่ได้เพิ่มเติมโทษจำเลย คู่ความย่อมต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ที่แก้ไขแล้วฎีกาจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทบัญญัติดังกล่าว ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง