แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
คดีต้องห้ามมิให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่งหากจำเลยประสงค์จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ก็ชอบที่จำเลย จะปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 ดังนี้เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ของจำเลยแล้ว จำเลยจะยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาว่า ฎีกาของจำเลย เป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ ศาลฎีกา ขอศาลฎีกาได้โปรดรับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไปหาได้ไม่
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วรรคแรก จำคุก 5 ปี คำขออื่นให้ยก
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและลงโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ฎีกาของ จำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จึงไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ว่า ฎีกาของจำเลยเป็นการฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลฎีกา ขอศาลฎีกาได้โปรดรับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
ศาลฎีกามีคำสั่งว่า “จำเลยรับว่าเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฉะนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้จำคุกจำเลย 5 ปี กรณีต้องห้ามมิให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่งหากจำเลยประสงค์จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงดังกล่าว จำเลยชอบที่จะปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 221 ให้ยกคำร้อง”