แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ทั้งสี่ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 จึงไม่รับ
โจทก์ทั้งสี่เห็นว่า โจทก์ทั้งสี่ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้โดยอาศัยมูลเหตุจากการที่จำเลยปิดกั้นคันนาไม่ยอมให้โจทก์ชักน้ำผ่านที่นาของจำเลย โจทก์ทั้งสี่ได้รับความเสียหายจึงขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยยอมเปิดคันนาของจำเลย ซึ่งเป็นคำขอบังคับจำเลยให้กระทำการหรือละเว้นกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง อันเป็นคำขอประธาน ส่วนคำขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเป็นคำขอต่อเนื่องจึงเป็นคดีฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคสอง โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ทั้งสี่ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 79)
โจทก์ฟ้องและแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสี่เฉพาะปี พ.ศ. 2528 เป็นเงิน 31,000 บาทและปีต่อไปให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ปีละ 30,000 บาทจนกว่าจำเลยจะยอมให้โจทก์ทั้งสี่เปิดคันนาของจำเลยให้น้ำจากเหมืองยาวไหลสู่ที่นาของโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสี่ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 72)
โจทก์ทั้งสี่จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 76)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยยอมให้โจทก์ทั้งสี่เปิดคันนาของจำเลย ให้น้ำจากเหมืองยาวไหลสู่ที่นาของโจทก์ทั้งสี่นั้นเป็นประธาน การที่โจทก์ทั้งสี่ฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนมาด้วยเป็นเพียงส่วนประกอบ คดีของโจทก์ทั้งสี่จึงเป็นคดีฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ไม่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคสอง จึงให้รับฎีกาโจทก์ทั้งสี่ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการต่อไป