คำสั่งคำร้องที่ 2302/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นการโต้แย้งดุลยพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก จึงไม่รับ
จำเลยเห็นว่า จำเลยได้ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า พฤติการณ์ที่จำเลยฟันผู้เสียหายนั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 27)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297 กระทงหนึ่ง ให้จำคุก 5 ปี และมีความผิดตามมาตรา 371อีกกระทงหนึ่ง ให้ปรับ 100 บาท รวมจำคุก 5 ปี ปรับ 100 บาท
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลยในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 มีกำหนด 3 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 26แผ่นที่ 4)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 27)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ข้ออ้างเป็นปัญหาข้อกฎหมายของจำเลยย่อมต้องอาศัยข้อเท็จจริงเพื่อการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย การเถียงข้อเท็จจริงซึ่งเป็นที่ยุติและต้องห้ามฎีกาเพื่อสู่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลย จึงมีผลอย่างเดียวกับฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคแรก ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาจำเลยนั้นชอบแล้วให้ยกคำร้อง

Share