แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ระบุวรรค เป็นการแก้ไขเล็กน้อยและยังคงลงโทษจำเลยไม่เกิน 2 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามฎีกาข้อ ข. และ ค. ส่วนฎีกาตามข้อ ก. แม้จะอ้างว่าเป็นข้อกฎหมายก็เป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดี จึงไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ดำเนินกระบวนพิจารณาข้ามขั้นตอนส่วนในปัญหาข้อเท็จจริงเป็นการบรรยายเหตุอันสมควรปรานีแก่จำเลยเพื่อประกอบการพิจารณาของศาลฎีกา โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 24)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357,83 จำคุก 3 ปี จำเลยรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 ปี 6 เดือน
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วรรคแรก นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 23)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 24)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยรับสารภาพฐานรับของโจรแต่ชั้นสอบสวนจำเลยรับสารภาพฐานลักทรัพย์จำเลยจึงกระทำผิดฐานลักทรัพย์ไม่ใช่กระทำผิดฐานรับของโจรจำเลยรับสารภาพในความผิดที่มิได้ก่อให้เกิดขึ้น ศาลจึงลงโทษฐานรับของโจรไม่ได้ การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานรับของโจรจึงคลาดเคลื่อนต่อกฎหมายนั้น เห็นว่า ในชั้นพิจารณาจำเลยให้การรับสารภาพฐานรับของโจร โจทก์จำเลยไม่ติดใจสืบพยานและไม่ได้อุทธรณ์ในปัญหาข้อนี้จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เป็นฎีกาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 ประกอบด้วยมาตรา 225 และไม่มีเหตุสมควรจะรับวินิจฉัย ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาจำเลยชอบแล้ว ยกคำร้อง