คำสั่งคำร้องที่ 2282/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จึงไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า ฎีกาที่ว่า การที่ศาลชั้นต้นสั่งตัดพยานของจำเลยแล้ววินิจฉัยว่าจำเลยไม่มีพยานหลักฐานแสดงว่าธนาคารกสิกรไทย จะพิจารณาอนุมัติสินเชื่อให้แก่จำเลยนั้นไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 179 แผ่นที่ 2)
ระหว่างพิจารณา นายสมพงษ์เธียรไทย ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4(2)ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ภายหลังการกระทำความผิด และเป็นคุณแก่ ผู้กระทำความผิดเนื่องจากมีโทษปรับน้อยกว่ากฎหมายที่ใช้ใน ขณะกระทำความผิด การกระทำของจำเลยเป็นความผิด 2 กรรม ลงโทษ ทุกกรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ลงโทษจำคุกจำเลยกระทง ละ 1 ปี รวมจำคุกจำเลย 2 ปี ยกคำขอนับโทษต่อเนื่องจากศาล ยังไม่ได้พิพากษาในคดีที่ขอนับโทษต่อ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 178 แผ่นที่ 2)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 179 แผ่นที่ 2)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยฎีกาว่าศาลชั้นต้นไม่ควรด่วนตัด พยานของจำเลยเป็นการไม่ชอบนั้น จำเลยหาได้อ้างว่าคำสั่ง งดสืบพยานของศาลชั้นต้นไม่ชอบด้วยกฎหมายบทใด อันจะทำให้ เป็นปัญหาข้อกฎหมาย ฎีกาของจำเลยจึงเป็นเรื่องดุลพินิจของ ศาลที่สั่งงดสืบพยานจำเลย เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยนั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share