แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นผู้ส่งโฉนดที่ดินต่อศาลตามคำสั่งเรียกพยาน เอกสารตามคำขอของโจทก์ เมื่อผู้ร้องไม่ใช่คู่ความในคดีนี้ และไม่ใช่ผู้ส่งโฉนดที่ดินต่อศาลตามคำสั่งเรียกของศาล ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิที่จะขอรับคืนโฉนดที่ดินดังกล่าวได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันส่งมอบโฉนดที่ดินตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 4 ให้โจทก์ทั้งสอง หากไม่สามารถส่งมอบได้ให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนโฉนดที่ดินดังกล่าว แล้วให้สำนักทะเบียนที่ดินกรุงเทพมหานครออกโฉนดให้โจทก์ใหม่กับให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันส่งมอบสัญญาเช่าซื้อ บัญชี การเช่าซื้อ ใบเสร็จรับเงินการเช่าซื้อ และเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการเช่าซื้อรวมทั้งใบยืมเงิน ซึ่งจำเลยให้โจทก์ทำไว้ทั้งหมดแทนใบเสร็จรับเงินค่าที่ดินและค่าบริการสาธารณะทั้งหมดตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 3 ให้โจทก์ทั้งสองและให้คิดบัญชีกับโจทก์ จำเลยที่ 1 และที่ 2 ยื่นคำให้การ จำเลยที่ 3ขาดนัดยื่นคำให้การ จำเลยที่ 4 ยื่นคำให้การและฟ้องแย้งระหว่างการพิจารณาจำเลยที่ 3 ได้มรณะ โจทก์ที่ 1 ที่ 2 ขอถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 3 ศาลชั้นต้นอนุญาต และมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 3 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 4 คืนโฉนดที่ดินตามบัญชีท้ายฟ้องหมายเลข 4 แก่โจทก์ที่ 1 เว้นแต่โฉนดที่ 97623, 97624, 97636, 97989, 18541, 10305, 10805 ที่ผู้เช่าซื้อรับคืนไปแล้ว ให้ยกฟ้องโจทก์ที่ 2 และยกฟ้องแย้ง คำขอของโจทก์นอกจากนี้ให้ยกเสียศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ที่ 1 ที่ 2 และจำเลยที่ 4 ฎีกา คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นโจทก์ในคดีของศาลแพ่งหมายเลขแดงที่ 4693/2527 ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยที่ 2 และจำเลยร่วมที่ 2 ในคดีดังกล่าว มีใจความว่า จำเลยที่ 2 และจำเลยร่วมที่ 2 ในคดีดังกล่าวตกลงยินยอมโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 107928 และ 108057 ตำบลประเวศ (ฝั่งเหนือ) อำเภอพระโขนง กรุงเทพมหานคร 2 แปลง ให้ผู้ร้องตามสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมท้ายคำร้องแต่เนื่องจากโฉนดทั้งสองฉบับดังกล่าว จำเลยที่ 4 ในคดีนี้เป็นผู้ส่งศาลไว้ในคดีนี้ดังนั้นจึงได้ทำสัญญาประนีประนอมว่า ผู้ร้อง จำเลยที่ 4 จะไปยื่นขอโฉนดดังกล่าวคืนจากศาลเพื่อให้โจทก์ที่ 2 ในคดีนี้ซึ่งมีชื่อถือกรรมสิทธิ์ อยู่จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้ร้อง และหากจำเลยที่ 4 ในคดีนี้ไม่ยื่นคำร้องขอโฉนดคืนก็ให้ผู้ร้องยื่นได้เองปรากฏว่าจำเลยที่ 4 ในคดีนี้ไม่ยื่น ฉะนั้น ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องนี้ต่อศาลฎีกาเพื่อขอรับคืนโฉนดทั้งสองฉบับดังกล่าวเพื่อที่โจทก์ที่ 2 ในคดีนี้จะได้นำไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ผู้ร้องต่อไป ปรากฏข้อเท็จจริงต่อศาลฎีกาว่า โฉนดที่ดินทั้งสองฉบับที่ผู้ร้องขอรับไปจากศาลนี้ เป็นโฉนดที่ดินซึ่งจำเลยที่ 4 ในคดีนี้ได้ส่งต่อศาลชั้นต้นตามคำสั่งเรียกพยานเอกสารตามคำขอของโจทก์ที่ 1 ที่ 2
ศาลฎีกาสั่งว่า “ผู้ร้องไม่ใช่คู่ความในคดีนี้ และไม่ใช่ผู้ส่งโฉนดที่ดินทั้งสองฉบับต่อศาลตามคำสั่งเรียกของศาลผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิที่จะขอรับคืนโฉนดที่ดินดังกล่าวได้ให้ยกคำร้อง”