คำสั่งคำร้องที่ 2272/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีจำเลยทั้งสองต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 จึงไม่รับฎีกา
จำเลยทั้งสองเห็นว่า คดีนี้โจทก์ทั้งสองฟ้องว่า จำเลยทั้งสองทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งสอง โดยนำดินมาถมปิดกั้นคลองชานสำโรง ด้านติดกับคลองนิคม 3 ทำให้โจทก์ทั้งสองไม่สามารถใช้น้ำจากคลองนิคม 3 ที่ไหลเข้าสู่คลองชานสำโรงไปยังบ่อปลาของโจทก์ทั้งสองได้ ขอให้จำเลยทั้งสองขุดลอกดิน ที่ถมออกและขุดลอกคลองที่ถมให้อยู่ตามสภาพเดิมและเรียกค่าเสียหาย จำนวน 140,000 บาทนั้น เป็นคดีขอปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจ คำนวณเป็นราคาเงินได้ ดังนั้นฎีกาจำเลยทั้งสองในปัญหาข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยทั้งสองไม่ได้ทำละเมิดเพราะโจทก์ทั้งสอง ไม่เคยใช้ทางน้ำนี้เลย จึงไม่ต้องห้ามฎีกา ส่วนฎีกาในประเด็น ที่ว่า โจทก์ทั้งสองไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะโจทก์ที่ 2 เป็นเพียง ผู้ดูแลผลประโยชน์ของโจทก์ที่ 1 จึงฟ้องเรียกค่าเสียหายจาก จำเลยทั้งสองไม่ได้นั้นก็เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ที่ได้ว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยทั้งสองไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ทั้งสองยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 2 เป็นเงิน 50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ที่ 2 ให้จำเลยทั้งสองขุดลอกคลองให้อยู่ในสภาพเดิม มิฉะนั้นให้โจทก์เป็นผู้กระทำโดยจำเลยทั้งสองเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายให้ยกฟ้องแย้งจำเลยที่ 2
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 252)
จำเลยทั้งสองจึงยื่นคำร้องนี้ โดยทำเป็นอุทธรณ์คำสั่งและชำระค่าขึ้นศาลจำนวน 200 บาท (อันดับ 258)

คำสั่ง
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองขุดลอกดินที่ถมในคลองออก ให้อยู่ในสภาพเดิม และเรียกค่าเสียหาย จึงเป็นคดีที่มีคำขอ ให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ คดีจึง ไม่ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคสอง ให้รับฎีกาของจำเลยทั้งสอง

Share