คำสั่งคำร้องที่ 2268/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลฎีกามีคำสั่งว่า จำเลยทิ้งฟ้องฎีกา ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความของศาลฎีกา เนื่องจากจำเลย ได้วางเงินค่านำส่งหมายล่วงหน้าให้แก่เจ้าหน้าที่เดินหมายแล้ว ในวันที่จำเลยยื่นฎีกา (วันที่ 24 มกราคม 2537) จำเลย จึงมิได้ละเลยที่จะไม่ดำเนินกระบวนพิจารณาในระยะเวลา ที่ศาลชั้นต้นกำหนด จำเลยไม่ได้ทิ้งฟ้องฎีกา เพื่อประโยชน์ แห่งความยุติธรรม ขอศาลฎีกาโปรดเพิกถอนคำสั่งที่ให้จำหน่ายคดี ออกจากสารบบความของศาลฎีกา และยกคดีนี้ขึ้นพิจารณา ต่อไปด้วย โปรดอนุญาต หมายเหตุ โจทก์ทั้งสี่แถลงคัดค้าน (อันดับ 112) ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ทั้งสี่เป็นเงิน 204,226 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 1 กันยายน 2532เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสี่ แต่ทั้งนี้ดอกเบี้ยคำนวณถึงวันฟ้อง (26 กรกฎาคม 2533) ต้องไม่เกิน13,806 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยสำเนาให้โจทก์ ให้จำเลยนำส่งภายใน 5 วัน หากส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน 15 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้ หากไม่แถลงให้ถือว่าทิ้งฟ้องฎีกา (อันดับ 94) ต่อมาเจ้าหน้าที่รายงานศาลว่า บัดนี้พ้นกำหนดระยะเวลาในการนำหมายแล้ว จำเลยหรือผู้แทนจำเลยไม่มาเสียค่าธรรมเนียม ในการส่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ส่งศาลฎีกาเพื่อมีคำสั่ง (อันดับ 97) ศาลฎีกามีคำสั่งว่า จำเลยเพิกเฉยไม่ดำเนินการภายใน ระยะเวลาที่กำหนด เป็นการทิ้งฟ้องฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2)ประกอบด้วยมาตรา 246 และมาตรา 247 ให้จำหน่ายคดีจากสารบบความของศาลฎีกา (อันดับ 101) จำเลยยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 106) ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้ว มีคำสั่งให้รวมสำนวนส่งศาลฎีกาเพื่อพิจารณาต่อไป (อันดับ 120)

คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว ศาลชั้นต้นอ่านคำสั่งศาลฎีกาเมื่อวันที่10 กุมภาพันธ์ 2538 โดยให้ถือว่าจำเลยทราบคำสั่งศาลฎีกานับแต่วันนั้นแล้ว การที่จำเลยยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลฎีกาที่อ้างว่าผิดระเบียบเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2538จึงเป็นการยื่นเมื่อพ้นกำหนดแปดวันนับแต่วันที่ทราบคำสั่งศาลฎีกาดังกล่าว ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 27 วรรคสอง ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ

Share