แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาจำเลยเป็น ฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จึงไม่รับ จำเลยเห็นว่า แม้ฎีกาของจำเลยจะยกแต่เพียงประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ขึ้นอ้าง แต่เรื่องที่เกิดขึ้นยังเกี่ยวข้องกับข้อกฎหมายอื่น ๆ อีก เช่น ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 วรรคแรก อันเป็นข้อกฎหมายที่ศาลยกขึ้นมาวินิจฉัยได้อยู่แล้วและตลอดระยะเวลาหลังเกิดอุบัติเหตุในคดีนี้จำเลยได้พยายามทุกอย่างเพื่อบรรเทาผลร้ายให้กับคู่กรณี จนเป็นที่พอใจของคู่กรณี จำเลยจึงควรได้รับการบรรเทาโทษ ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในข้อกฎหมาย โปรดมี คำสั่งให้รับฎีกา ของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 53) ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291,300 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43,157 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ซึ่งเป็นบท ที่มีโทษหนักที่สุด จำคุก 2 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี ไม่มีเหตุ ควรรอการลงโทษ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 52) จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 53)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย มีกำหนด 1 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน การที่จำเลยฎีกาโต้แย้ง เกี่ยวกับดุลพินิจของศาลว่า สมควรรอการลงโทษจำเลยนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่งที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกานั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้องของ จำเลย