คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2991/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยอยู่บนรถกระบะที่กำลังขับไล่ติดตามรถจักรยานยนต์ที่ผู้เสียหายขับไปตามถนนซึ่งเป็นทางลูกรังแคบและขรุขระใช้อาวุธปืนเล็กกล (เอ็ม.16) ยิงไปที่รถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายหลายนัด แม้จำเลยมีเจตนายิงยางรถจักรยานยนต์ เพื่อให้รถจักรยานยนต์ล้ม แต่จำเลยย่อมเล็งเห็นได้ว่ากระสุนปืนอาจถูกผู้เสียหายได้การที่จำเลยใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงไปในลักษณะเช่นนั้น จำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่า กระสุนปืนอาจถูกผู้เสียหายที่บริเวณอวัยวะสำคัญทำให้ผู้เสียหายทั้งสองถึงแก่ความตายได้ จึงเป็นการกระทำโดยเจตนาฆ่า

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80 และคืนของกลางทั้งหมดให้กรมตำรวจเจ้าของ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80 ให้จำคุก 12 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ 1 ใน 3ตามมาตรา 78 คงจำคุก 8 ปี คืนของกลางทั้งหมดให้กรมตำรวจเจ้าของ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้เป็นยุติว่า เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2532 เวลาประมาณ 22 นาฬิกาสิบตำรวจเอกทองม้วน ตันยงค์ สิบตำรวจโทประดิษฐ์ เพาะบุญสิบตำรวจตรีระยะ กลิ่นบุปผา พลตำรวจแสลง แก้วเบี้ย และจำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบูรณ์ ขับรถยนต์กระบะติดตามรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายที่ 2 ซึ่งผู้เสียหายที่ 2 เป็นคนขับ โดยมีผู้เสียหายที่ 1 นั่งซ้อนท้ายเพราะสงสัยว่าผู้เสียหายทั้งสองมีสิ่งของผิดกฎหมาย แล้วจำเลยใช้อาวุธปืนเล็กกล (เอ็ม.16) ยิงไปที่รถจักรยานยนต์นั้นหลายนัด กระสุนปืนถูกผู้เสียหายที่ 1 ที่หลังระดับเอวข้างซ้ายที่เท้าขวานิ้วหัวแม่เท้าขาด กระดูกฝ่าเท้าหัก ผิวหนังและเนื้อบริเวณข้อเท้าหลุด และที่เท้าซ้ายผิวหนังและเนื้อบริเวณข้อเท้าหลุดเป็นแผลใหญ่กระดูกเท้าบางส่วนหลุดหาย กับถูกผู้เสียหายที่ 2ที่ส้นเท้าขวาเป็นแผลลึกถึงกระดูก เป็นเหตุให้ผู้เสียหายทั้งสองได้รับอันตรายสาหัส คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยเป็นข้อแรกว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายทั้งสองหรือไม่ ในปัญหานี้ได้ความจากคำเบิกความของสิบตำรวจตรีระยะ กลิ่นบุปผาและพลตำรวจแสลง แก้วเบี้ย พยานโจทก์ว่า ขณะที่จำเลยใช้อาวุธปืนเล็กกล (เอ็ม.16) ยิงไปที่รถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายที่ 2 นั้นทางขรุขระ ขวดน้ำ ขวดกาแฟและแก้วที่เก็บไว้ในรถยนต์กระบะร่วงหล่น ซึ่งจำเลยเองก็เบิกความรับว่าขณะที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงไปเช่นนั้นถนนที่รถยนต์กระบะแล่นไปเป็นทางลูกรังแคบขรุขระ การที่จำเลยซึ่งอยู่บนรถยนต์กระบะที่กำลังขับไล่ติดตามรถจักรยานยนต์ที่มีผู้เสียหายที่ 2 เป็นผู้ขับและผู้เสียหายที่ 1 นั่งซ้อนท้ายไปตามถนนซึ่งเป็นทางลูกรังแคบและขรุขระใช้อาวุธปืนเล็กกล (เอ็ม.16)ยิงไปที่รถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายทั้งสองหลายนัดนั้น แม้จำเลยเจตนายิงยางรถจักรยานยนต์เพื่อให้รถจักรยานยนต์ล้ม แต่จำเลยก็ย่อมเล็งเห็นได้ว่ากระสุนปืนที่จำเลยยิงไปนั้นอาจถูกผู้เสียหายทั้งสองได้ อาวุธปืนเล็กกล (เอ็ม.16) เป็นอาวุธร้ายแรง การที่จำเลยใช้อาวุธปืนเล็กกล (เอ็ม.16) ยิงไปในลักษณะเช่นนั้น จำเลยจึงย่อมเล็งเห็นผลได้ว่า กระสุนปืนที่จำเลยยิงไปอาจถูกผู้เสียหายทั้งสองที่บริเวณอวัยวะสำคัญ ทำให้ผู้เสียหายทั้งสองถึงแก่ความตายได้ จึงเป็นการกระทำโดยเจตนาฆ่าผู้เสียหายทั้งสอง ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share