คำสั่งคำร้องที่ 2221/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า โจทก์ฎีกาดุลพินิจของศาล เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง คดีนี้จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกินสองแสนบาท ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248จึงไม่รับฎีกา คืนค่าขึ้นศาล
โจทก์เห็นว่า คดีนี้ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติแล้วว่านายประสิทธิ์เป็นผู้เยาว์ที่อยู่ในความดูแลของจำเลยที่ 2นายประสิทธิ์ทำให้เกิดความเสียหายอันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ ปัญหาว่าจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ดูแลนายประสิทธิ์ ผู้เยาว์ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรในการดูแลผู้เยาว์ ที่จะต้องรับผิดในผลละเมิดที่ผู้เยาว์ได้กระทำลงในระหว่าง ที่อยู่ในความดูแลของตนหรือไม่ โจทก์เห็นว่าเป็นการปรับ ข้อเท็จจริงที่ยุติแล้วว่ามีเหตุที่จำเลยที่ 2 จะต้องรับผิด หรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ ไว้พิจารณาต่อไปด้วย
หมายเหตุ ทนายจำเลยที่ 2 ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว(อันดับ 89 แผ่นที่ 2)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน40,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันทำละเมิด (วันที่ 20 ธันวาคม 2532) เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยที่ 1 จะชำระเสร็จแก่โจทก์ ยกฟ้องจำเลยที่ 2
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 83)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 86)

คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า โจทก์มิได้พิสูจน์ให้ศาลเห็นว่าจำเลยที่ 2 มิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรเช่นใด จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดกับนายประสิทธิ์ ฉะนั้นฎีกาของโจทก์ที่ว่า จำเลยที่ 2 สามารถใช้ความระมัดระวังไม่ให้นายประสิทธิ์ก่อให้เกิดความเสียหายได้ จึงเป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจของศาลในการ รับฟังพยานหลักฐานอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นสั่ง ไม่รับฎีกาของโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share