แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ทุนทรัพย์ในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาทจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาข้อ 1 จำเลยฎีกาว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเป็นปัญหาข้อกฎหมาย แต่เป็นข้อที่จำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ ทั้งเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระสำคัญ แก่คดี ฎีกาข้อ 2 จำเลยฎีกาว่า จำเลยเข้าทำสัญญารักษาพยาบาล กับโจทก์ เพราะถูกนายแพทย์และผู้อำนวยการของโจทก์หลอกลวงให้หลงเชื่อ เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาของจำเลย ทั้งสองข้อจึงต้องห้ามฎีกาจึงไม่รับฎีกา คืนค่าขึ้นศาลทั้งหมด จำเลยเห็นว่า ฎีกาที่ว่า ฟ้องโจทก์เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเคลือบคลุม เพราะไม่มีรายละเอียดค่าใช้จ่าย ในแต่ละวัน จำเลยตรวจสอบไม่ได้ว่าค่าใช้จ่ายดังกล่าวถูกต้อง ตามความเป็นจริงหรือไม่ และฎีกาที่ว่า หนี้ที่เกิดจาก นายแพทย์เพราหลอกลวงให้หลงเชื่อ เป็นหนี้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลย ไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 88,217 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้อง (วันที่ 1 กรกฎาคม 2535) เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 59) จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 60,61)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยฎีกาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมนั้นจำเลยต่อสู้ไว้ในคำให้การโดยไม่มีเหตุผลประกอบว่าเคลือบคลุม อย่างไร จึงเป็นคำให้การที่ไม่ชัดแจ้งไม่เป็นประเด็นข้อพิพาท ถือว่าข้อต่อสู้เรื่องฟ้องเคลือบคลุมมิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลล่างและมิใช่ปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยไม่ต้องรับผิดชำระหนี้ตามที่ ศาลล่างพิพากษาเพราะเป็นหนี้ที่เกิดจากการหลอกลวง เป็นหนี้ที่ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่งที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยจึงชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ