แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ให้รับฎีกาโจทก์เฉพาะข้อ 2 ตอนท้ายที่ว่าเอกสารหมาย จ.4 เป็นหลักฐานแห่งการ กู้ยืมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคแรกหรือไม่ ส่วนฎีกานอกจากนี้เป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่นำไปสู่ข้อกฎหมาย จึงเป็นฎีกาข้อเท็จจริง ทั้งไม่ปรากฏว่ามีข้อความโต้แย้ง คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ส่วนใดต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247,248 ที่แก้ไขแล้วจึงไม่รับ
โจทก์เห็นว่า ฎีกาโจทก์มีทั้งปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ซึ่งคดีนี้มีจำนวนทุนทรัพย์ชั้นฎีกา 200,812 บาทจึงไม่ต้องห้ามฎีกา โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาโจทก์ ในปัญหาข้อเท็จจริงด้วย
หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 102 แผ่นที่ 2)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 119,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม 2526 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์เกี่ยวกับหนี้เงินกู้ยืมด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 94)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 97)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าโจทก์ฎีกาข้อกฎหมายเฉพาะข้อ 2ตอนท้ายที่ว่าเอกสารหมาย จ.4 เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมหรือไม่ ที่ศาลชั้นต้นรับฎีกาของโจทก์ในข้อนี้ชอบแล้ว ส่วนฎีกาข้ออื่น เป็นการฎีกาข้อเท็จจริงซึ่งนำไปสู่ข้อกฎหมาย เมื่อทุนทรัพย์ ในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ที่แก้ไขแล้วศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาในข้อนี้ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง