คำสั่งคำร้องที่ 2197/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ฎีกาโจทก์เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งหมด เมื่อคดีนี้ทุนทรัพย์ ที่พิพาทในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท และคดีไม่มีการรับรอง ให้ฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงได้ฎีกาโจทก์จึงต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ไม่รับฎีกาของโจทก์ คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาแก่โจทก์ โจทก์เห็นว่า ฎีกาที่ว่าศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยคดีโดยอาศัยคำวินิจฉัยของศาลฎีกาในคดีก่อนแล้วพิพากษายกฟ้อง จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นปัญหาข้อกฎหมายและฎีกาในปัญหา ข้อเท็จจริงนั้นโจทก์ก็ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้ว ตั้งแต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์และเป็นสาระแก่คดี จึงไม่ต้องห้ามฎีกา โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ จำเลยแถลงคัดค้าน (อันดับ 133) โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยใช้เงิน 136,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน 100,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์และเบี้ยปรับ อีกวันละ 400 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 128) โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 130)

คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่า ได้มีการตกลงเลิกสัญญาฉบับลงวันที่ 31 สิงหาคม 2521 แล้วโจทก์ฎีกาว่าพยานหลักฐานของโจทก์พอที่จะรับฟังได้ว่าสัญญาฉบับลงวันที่ 31 สิงหาคม 2521 ยังไม่เลิก จึงเป็นการ โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค 1 เป็นฎีกาในข้อเท็จจริงเมื่อจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกา ไม่เกินสองแสนบาท ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ

Share