แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า จำเลยต้องห้ามมิให้ฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 แต่ปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยยกขึ้นฎีกานี้เห็นว่าเป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระ ประกอบทั้งในชั้นอุทธรณ์จำเลยก็มิได้ยกข้อกฎหมายดังกล่าวนี้ต่อสู้แต่ประการใดจึงสั่งไม่รับฎีกาปัญหาข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระดังกล่าวตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 15 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
จำเลยเห็นว่า ฎีกาปัญหาข้อกฎหมายของจำเลยที่ได้หยิบยกขึ้นมานั้น เพื่อให้ศาลฎีกาพิจารณาวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 265 หรือ มาตรา 144 ซึ่งปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวนี้ เป็นสาระสำคัญแก่คดี และเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยจึงมีสิทธิที่จะฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายนี้ได้ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 54)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนว่า จำเลยมีความผิดฐานใช้ให้ผู้อื่น ปลอมเอกสารราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 ประกอบ มาตรา 84 ลงโทษจำคุก 2 ปี และให้ริบเอกสารปลอมทั้งสองฉบับ
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 56)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 57)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 144 หาใช่เป็นความผิดตามมาตรา 265 ดังฟ้องนั้น เห็นว่า เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลอุทธรณ์ทั้งเป็นข้อกฎหมาย ที่ไม่เป็นสาระตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 ประกอบกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 15 ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง