คำสั่งคำร้องที่ 2181-2202/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกาคำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ไม่อนุญาตให้โจทก์ฟ้องคดีอย่างคนอนาถาศาลชั้นต้นสั่งว่า คำสั่งศาลอุทธรณ์เป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคท้ายจึงไม่รับฎีกา
โจทก์เห็นว่า ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาของโจทก์โดยมิได้วินิจฉัยเนื้อหาของคำร้องว่าโจทก์ยากจนหรือไม่ และศาลชั้นต้นรับฟังว่าฟ้องโจทก์เป็นเรื่องผิดสัญญาจ้างทำของ ศาลอุทธรณ์รับฟังว่าเป็นเรื่องผิดสัญญาเรียกค่าบำเหน็จตัวแทนเป็นการวินิจฉัยที่แตกต่างกัน ฎีกาของโจทก์จึงไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคท้าย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยแถลงคัดค้าน (อันดับ 62)
คดีทั้ง 22 สำนวนนี้ โจทก์เป็นบุคคลเดียวกัน ศาลชั้นต้นรวมพิจารณาคดีทั้ง 22 สำนวนเข้าด้วยกัน
โจทก์ยื่นคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาโดยอ้างว่า โจทก์เป็นคนยากจนไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมศาลได้ และโจทก์มีทางชนะคดี ขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งให้โจทก์ยื่นฟ้องคดีอย่างคนอนาถา
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วสั่งว่า ได้ความจากนายสิทธิพรสารคำ พยานโจทก์ว่า จำเลยมอบอำนาจให้โจทก์ฟ้องคดีต่อศาลแรงงานกลางตกลงให้ค่าจ้างแก่โจทก์ร้อยละ 20 ของจำนวนเงินที่ชนะคดี โจทก์ยื่นคำฟ้องนายจ้างของจำเลยต่อศาล

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว โจทก์เป็นผู้ขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา โจทก์จะต้องแสดงให้เป็นที่เชื่อได้ว่าเป็นคนยากจน และโจทก์จะต้องแสดงให้เห็นว่า คดีของตนมีมูลที่จะฟ้องร้องด้วยศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยในเนื้อหาแห่งคำร้องของโจทก์แล้วว่า คดีไม่มีมูลที่จะฟ้องร้องจึงไม่จำต้องวินิจฉัยอีกว่าโจทก์ยากจนหรือไม่ คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนไม่อนุญาตให้โจทก์ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา โดยวินิจฉัยว่าคดีโจทก์ไม่มีมูลที่จะฟ้องร้องเช่นเดียวกันกับศาลชั้นต้น คำสั่งของศาลอุทธรณ์เช่นว่านี้จึงถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสุดท้ายโจทก์จะอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกาอีกไม่ได้ ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาชอบแล้วให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ

Share