คำสั่งคำร้องที่ 2159/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาโจทก์เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งทุนทรัพย์ในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท จึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง ไม่รับฎีกาของโจทก์
โจทก์เห็นว่า การแปลงหนี้จากสัญญายืมมาเป็นเช็ค จะถือว่าสัญญายืมไร้ผล ต่อเมื่อมีการเรียกเก็บเงินตามเช็คได้แล้ว และจำเลยยังไม่ได้ชำระหนี้ให้โจทก์เพราะไม่มีบันทึกการชำระหนี้ ตามข้อสันนิษฐานของกฎหมายนั้นเป็นปัญหาข้อกฎหมายโปรดมีคำสั่ง ให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 40,000 บาทให้แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน 2530 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ แต่ดอกเบี้ยถึงวันฟ้องจะต้องไม่เกิน 291.66 บาท ให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 180)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 181)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ฎีกาโจทก์ทุกข้อล้วนเป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง และคดีนี้จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรก ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ

Share