คำสั่งคำร้องที่ 2127/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยทั้งสามเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งไม่ได้ว่ากันมาแต่ศาลชั้นต้นตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 จึงไม่รับฎีกาจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 เห็นว่า ฎีกาของจำเลยทั้งสามเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ไม่ถูกต้องโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยทั้งสามด้วย
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันรื้อถอนบ้านเรือนสิ่งปลูกสร้าง หลักไม้ที่ปักไว้และขนดินที่ถมออกไปจากที่ดินพิพาทของโจทก์ตบแต่งที่ดินพิพาทของโจทก์ให้อยู่ในสภาพเดิมห้ามจำเลยทั้งสามเข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทของโจทก์อีกต่อไปให้จำเลยทั้งสามใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่เข้าทำนาในที่ดินพิพาทไม่ได้จำนวน 6,300 บาท สำหรับปี พ.ศ. 2527 และจำนวน5,500 บาท สำหรับปีถัดไปทุกปีจนกว่าจำเลยทั้งสามเลิกเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาท
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว(อันดับ 3)
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 1)ไม่ปรากฏใบแต่งทนายของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ในสำนวนที่ส่งมาศาลฎีกา

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยทั้งสามอ้างว่าจำเลยได้ที่ดินพิพาทมาโดยการครอบครองปรปักษ์เป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่ไม่ได้ว่ากันมาแต่ศาลชั้นต้น ส่วนเรื่องอายุความนั้น จำเลยทั้งสามไม่ได้ต่อสู้ไว้ในคำให้การของจำเลยว่าด้วยอายุความได้สิทธิด้วยการครอบครองปรปักษ์ คดีต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาจำเลยทั้งสามชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share