แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ฟ้องขับไล่บุคคลใด ๆ ออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าหรืออาจให้เช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละหนึ่งหมื่นบาทจึงต้องห้าม ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ส่วนที่จำเลยยื่นฎีกาในข้อกฎหมายเรื่องอำนาจฟ้อง และฟ้องซ้อนนั้น เห็นว่าเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาโดยชอบ ในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1 ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 จึงไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า ฎีกาในข้อกฎหมายเรื่องอำนาจฟ้อง จำเลยได้ต่อสู้คดีไว้ในคำให้การของจำเลยซึ่งเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายอันเป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกา และเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ส่วนฎีกาเรื่องฟ้องซ้อนก็เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย เช่นกัน ฎีกาของจำเลยจึงไม่ต้องห้ามแต่อย่างใด โปรดมีคำสั่ง ให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไปด้วย
หมายเหตุ ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องหรือไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจาก ที่ดินรูปสี่เหลี่ยมสีแดงตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้องและห้ามเกี่ยวข้องอีกต่อไป ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายฤดูทำนาปี 2533 แก่โจทก์จำนวน 10,000 บาท และปีถัดไปปีละ 10,000 บาทจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกไปและเลิกเกี่ยวข้องกับที่ดิน
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา (อันดับ 116)
จำเลยยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 120)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์ถูกจำเลยแย่งการครอบครองยังไม่เกิน 1 ปี จึงไม่เกินระยะเวลา ฟ้องเรียกสิทธิครอบครองคืน จำเลยฎีกาว่า โจทก์ถูกจำเลยแย่งการครอบครองเกิน 1 ปี แล้ว เป็นฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ข้อกฎหมายว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ จึงเป็นฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคสอง ส่วนเรื่องฟ้องซ้อนนั้นเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้ง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคแรก ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกา ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ให้ยกคำร้อง