แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยที่ 1 เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง โดยศาลอุทธรณ์ภาค 1พิพากษาแก้ไขเล็กน้อยและลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ไม่เกิน 5 ปีจึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคแรก จึงไม่รับ จำเลยที่ 1 เห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่ 1 เป็นปัญหา ข้อกฎหมายว่าศาลลงโทษจำเลยโดยอาศัยพยานหลักฐานที่รับฟังไม่ได้ สมควรที่จำเลยที่ 1 จะได้รับประโยชน์แห่งข้อสงสัยตามสมควร ชอบที่จะพิพากษายกฟ้องโจทก์ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของ จำเลยที่ 1 ไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้อง แล้วหรือไม่ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง,62 วรรคหนึ่ง,89,106 วรรคหนึ่งพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2535 มาตรา 9,13,15 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 ข้อหาสนับสนุนการผลิตวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ให้จำคุก 3 ปี 4 เดือน ข้อหามี วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนต่อ กฎหมาย ให้จำคุก 1 ปี รวมจำคุก 4 ปี 4 เดือน ยกฟ้องคดีในส่วน จำเลยที่ 2 ถึงจำเลยที่ 4 ริบของกลาง ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ลดโทษให้จำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 2 ปี 10 เดือน 20 วัน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 135) จำเลยที่ 1 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 139)
คำสั่ง คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นเพียงเล็กน้อย คู่ความจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง ฎีกาของจำเลยที่ 1 เป็นฎีกาดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐาน ของศาลอุทธรณ์ภาค 1 จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 1 จึงชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง