แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำเลยชำระเงิน 203,985 บาท พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้อง จำเลยฎีกาขอให้แก้เป็นชำระเงิน 21,500 บาทแสดงว่าจำเลยโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในจำนวนทุนทรัพย์ไม่ถึง 200,000 บาท ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาของ จำเลยเป็นปัญหาข้อเท็จจริงทั้งหมด จึงไม่รับฎีกา คืนค่า ขึ้นศาลทั้งหมด
จำเลยเห็นว่า ทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาเกินกว่า200,000 บาท นั้นต้องคิดจากจำนวนเงินที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ พิพากษาให้จำเลยชำระแก่โจทก์ ไม่ใช่คิดจากผลต่างของจำนวนเงิน ที่จำเลยฎีกากับจำนวนเงินที่ศาลพิพากษาให้รับผิด ส่วนฎีกา ข้อ 2 ก ของจำเลยที่ว่า ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน แก่โจทก์จำนวน 203,985 บาท พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้อง เป็นการพิพากษากำหนดให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายโดยอาศัยเหตุ แห่งพฤติกรรมพิเศษหรือไม่ กับประเด็นนี้สมควรที่ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกาจะหยิบยกขึ้นมาวินิจฉัยหรือไม่นั้น เป็นประเด็น ในข้อกฎหมาย และฎีกาข้อ 2 ค แม้จะเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง แต่มีข้อเท็จจริงที่จำเลยเพิ่งทราบภายหลังจากที่จำเลย ยื่นอุทธรณ์แล้วรวมอยู่ด้วย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลย ไว้พิจารณาต่อไปด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 84)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยคืนทรัพย์สินที่จำนำไว้ทั้งหมดแก่โจทก์โดยให้โจทก์ชำระเงินค่าไถ่ถอนพร้อมดอกเบี้ยจนถึงเดือนพฤศจิกายน 2532 แก่จำเลยหากจำเลยไม่สามารถคืนทรัพย์สินได้ ให้ชดใช้ราคาแก่โจทก์เป็นเงิน 271,979 บาท และดอกเบี้ย ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน 253,200 บาท นับถัด จากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น หากจำเลยคืน แหวนทองเค เกาะเพชรพลอยน้ำเงิน 4 วง และกำไลมือทองคำเกาะเพชร ลูก 1 เม็ด 5 ข้าง แก่โจทก์ ให้จำเลยชดใช้ราคาทรัพย์ ส่วนที่หายไปเป็นเงิน 254,900 บาท เมื่อโจทก์รับเงินค่าจำนำ ไปจากจำเลยแล้ว 65,000 บาท จึงคงเหลือจำนวนที่จำเลยต้องชำระ ให้โจทก์เป็นเงิน 189,900 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ เจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่เดือนธันวาคม 2532 จนถึงวันฟ้องเป็นเวลา 11 เดือน 26 วัน คิดเป็นเงินดอกเบี้ย 14,085 บาท รวมเป็นเงิน ทั้งสิ้น 203,985 บาท และดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในต้นเงิน 189,900 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะ ชำระเสร็จสิ้นแก่โจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 80)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 79)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาท กันในชั้นฎีกาก็คือราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่คู่ความ โต้แย้งกันขึ้นมาถึงศาลฎีกา มิใช่ราคาทรัพย์หรือจำนวนทุนทรัพย์ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้คู่ความชำระแก่กัน จำนวนเงินที่จะต้อง ชำระแก่โจทก์ตามที่จำเลยโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ถึง 200,000 บาท จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาจำเลย ข้อ 2 ก. และ ค. เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐาน และการกำหนดราคาทรัพย์ที่สูญหายของศาลอุทธรณ์ เป็นฎีกา ข้อเท็จจริงศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาจำเลยชอบแล้วให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ