แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220ไม่รับฎีกาโจทก์
โจทก์เห็นว่า ฎีกาโจทก์เป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า โจทก์ขอให้ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยในอัตราโทษชั้นสูงสุดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 ในการกระทำความผิดทุกกรรม และจำเลยออกเช็คโดยมีเจตนาเพื่อจะให้มีการชำระหนี้หรือไม่ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 80 แผ่นที่ 3)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 เรียงกระทงลงโทษดังนี้ ผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาไม่ใช้เงินตามเช็คฉบับแรกจำคุก 4 เดือน ตามเช็คฉบับที่ 2 จำคุก 3 เดือน ตามเช็คฉบับที่ 3จำคุก 3 เดือน ตามเช็คฉบับที่ 5 จำคุก 6 เดือน ตามเช็คฉบับที่ 6จำคุก 2 เดือน ตามเช็คฉบับที่ 7 จำคุก 4 เดือนรวมจำคุก 22 เดือน ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 73)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 78)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ในคดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลล่าง ให้ลงโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีนั้น คู่ความต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 ฎีกาของโจทก์ที่ขอให้ลงโทษจำเลยในอัตราสูงสุดตามกฎหมาย เป็นฎีกาโต้แย้งดุลพินิจในการกำหนดโทษของศาลเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ย่อมต้องห้ามโดยบทกฎหมายที่กล่าวแล้วส่วนที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานออกเช็คตามเอกสารหมาย จ.9 ซึ่งศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าเช็คดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ต้องห้ามชัดแจ้งตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราจำเลยไม่มีความผิด พิพากษายกฟ้องยืนตามกันมา โดยอ้างว่า จำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ตามกฎหมายจำเลยมีความผิดนั้นเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220สรุปแล้วศาลฎีกาเห็นว่า ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง