คำสั่งคำร้องที่ 2080/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219ไม่รับฎีกาจำเลย
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาว่า พยานโจทก์ซึ่งเป็นพยานคู่เบิกความแตกต่างกันไม่เพียงพอให้ฟังเป็นยุติได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 104 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 และคดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำคุกจำเลย 22 เดือน ไม่ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยและเปลี่ยนการวางโทษจำคุกจำเลยเป็นรอการลงโทษแก่จำเลยด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 79 แผ่นที่ 3)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 เรียงกระทงลงโทษดังนี้ ผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาไม่ใช้เงินตามเช็คฉบับแรกจำคุก 4 เดือน ตามเช็คฉบับที่ 2 จำคุก 3 เดือน ตามเช็คฉบับที่ 3จำคุก 3 เดือน ตามเช็คฉบับที่ 5 จำคุก 6 เดือน ตามเช็คฉบับที่ 6จำคุก 2 เดือน ตามเช็คฉบับที่ 7 จำคุก 4 เดือนรวมจำคุก 22 เดือน ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 72)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 77 แผ่นที่ 2)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คที่โจทก์ฟ้องแต่ละกระทง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกกระทงละไม่เกิน 5 ปี จำเลยจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 ฎีกาของจำเลยที่ว่า เช็คตามฟ้องโจทก์ได้มาโดยผิดกฎหมายหรือไม่ก็ดี พยานโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง และในชั้นสืบพยานแตกต่างกันรับฟังไม่ได้ก็ดี เหล่านี้เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ย่อมต้องห้ามฎีกาโดยบทกฎหมายดังกล่าวข้างต้น ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share