แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา มีมูลที่จะชนะคดี โปรดอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อน
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 122)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยเสียเงินค่าตอบแทนเป็นค่าใช้ที่ดินของโจทก์ส่วนที่จำเลยรุกล้ำแก่โจทก์เดือนละ 100 บาท นับแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2532 เป็นต้นไปกับให้โจทก์จำเลย ไปจดทะเบียนสิทธิเหนือพื้นดินชั่วอายุของโรงเรือนจำเลย โดยให้โจทก์จำเลยเสียค่าใช้จ่ายคนละครึ่ง และให้โจทก์ มีอำนาจเพิกถอนการจดทะเบียนสิทธิเหนือพื้นดิน เมื่อโรงเรือน ของจำเลยสลายไปทั้งหมด
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้โจทก์จำเลยไปจดทะเบียนสิทธิเป็นภารจำยอมเหนือที่ดินส่วนที่รุกล้ำตามแผนที่พิพาทเอกสารหมาย จ.1 โดยให้โจทก์จำเลยเสีย ค่าใช้จ่าย คนละครึ่ง และให้โจทก์มีอำนาจเพิกถอนการจดทะเบียนสิทธิ เป็นภารจำยอมได้ เมื่อตึกแถวส่วนที่รุกล้ำสลายไปทั้งหมด นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 119,118)
ชั้นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 อนุญาตให้ทุเลาการบังคับโดยจำเลยได้วางเงินประกันสำหรับค่าใช้ที่ดินและทำหนังสือสัญญาค้ำประกันไว้ต่อศาลชั้นต้น ส่วนค่าเสียหายรายเดือนเดือน ๆ ไปนั้น จำเลยนำมาวางต่อศาลเมื่อพ้นกำหนด ศาลชั้นต้นจึงถือว่าจำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับต่อไป (อันดับ 91,95,97)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ถ้าจำเลยหาประกันสำหรับเงินค่าใช้ที่ดินจะต้องชำระตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 นับถึงวันฟังคำสั่งนี้ และต่อไปอีก 2 ปี มาให้จนเป็นที่พอใจและภายในเวลาที่ศาลชั้นต้น กำหนด ก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างฎีกา มิฉะนั้นให้ยกคำร้อง