แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาจำเลย เป็นปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งคดีนี้มีทุนทรัพย์พิพาทกันไม่เกิน สองแสนบาทซึ่งต้องห้ามมิให้ฎีกา แต่ได้มีคำสั่งรับไปแล้ว โดยผิดหลง จึงให้เพิกถอนคำสั่งเดิมดังกล่าวและมีคำสั่งใหม่ เป็นไม่รับฎีกาจำเลย คืนค่าขึ้นศาลทั้งหมด จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในข้อกฎหมายและ เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน และการที่ศาลอุทธรณ์ ได้พิพากษากลับคำพิพากษาของศาลชั้นต้นเป็นการแก้ไขมาก จึงไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง อีกทั้งการที่ศาลอุทธรณ์ ได้วินิจฉัยผิดพลาดจากพยานหลักฐานในสำนวนและมิได้วินิจฉัย ให้ครบประเด็นเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่ง ให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับเป็นว่า ที่ดินพิพาท ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 161 เล่ม 2 หน้า 9 หมู่ที่ 1 ตำบลเกาะขันธ์(ท่าประจะ)อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวาร เกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทกับให้จำเลยถอนคำคัดค้านการ จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมของโจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 54) จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 55)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ฎีกาของจำเลยทั้งหมดเป็นฎีกาโต้แย้งคัดค้านดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค 3 อันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในคดีนี้ ชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรก ที่แก้ไขใหม่ ไม่ว่าศาลอุทธรณ์ภาค 3 จะพิพากษากลับคำพิพากษา ศาลชั้นต้นหรือแก้ไขมากหรือเล็กน้อยก็ตาม ศาลชั้นต้นสั่ง ไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง
