แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ครบกำหนดยื่นฎีกาวันที่ 24 มกราคม 2530 เป็นวันเสาร์ หยุดราชการ โจทก์ที่ 1ยื่นฎีกาวันนี้ซึ่งเป็นวันเปิดทำการได้ รับเป็นฎีกาโจทก์เฉพาะฎีกาโจทก์ข้อ 2 ข้อ 3 ซึ่งเป็นฎีกาในเรื่องอำนาจฟ้องซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ส่วนฎีกาโจทก์ข้อ 4 เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248จึงไม่รับฎีกาข้อนี้
โจทก์ที่ 1 เห็นว่า แม้ฎีกาข้อ 4 เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงแต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของฎีกาข้อ 2 และข้อ 3 ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายเพื่อให้โจทก์ที่ 1 มีอำนาจบังคับคดีเอาค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสองโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาข้อ 4 ของโจทก์ที่ 1 ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยทั้งสองยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน6,000 บาทแก่โจทก์ที่ 2 กับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยทั้งสองจะชำระเสร็จ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยกเสีย
โจทก์ที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว
โจทก์ที่ 1 จึงยื่นคำร้องนี้
ไม่ปรากฏใบแต่งทนายโจทก์ที่ 1 ในสำนวนที่ส่งมาศาลฎีกา
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีสำหรับโจทก์ที่ 1 มีจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกินห้าหมื่นบาท และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ฎีกาของโจทก์ที่ 1 ข้อ 4 เกี่ยวกับเรื่องค่าเสียหายนั้น เป็นฎีกาในข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ที่ 1 ในข้อนี้ชอบแล้วให้ยกคำร้อง