คำสั่งคำร้องที่ 195/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยที่ 2 เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ตรีจึงไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 เห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่ 2 เป็นปัญหา ข้อกฎหมายทั้งสิ้น โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยที่ 2ไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300,390 พระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2522 มาตรา 43,78,157,160 วรรคสอง แต่ความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300,390 กับความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43,157เป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 อันเป็นบทหนักที่สุดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 3 เดือน ลงโทษตาม พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 78, 160 วรรคสอง จำคุก 1 เดือน รวมจำคุก 4 เดือน คำให้การรับสารภาพในชั้นจับกุม เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้างมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสี่ คงจำคุก 3 เดือน จำเลยที่ 2 มีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 จำคุก 3 เดือน จำเลยที่ 2 เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ หนึ่งในสาม คงจำคุก 2 เดือน โทษจำคุกของจำเลยทั้งสอง เปลี่ยนเป็นโทษกักขังแทนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 23 ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา ของจำเลยที่ 2(อันดับ 126) จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 128)

คำสั่ง คดีนี้ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลอุทธรณ์ภาค 2ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 2 ขับรถจักรยานยนต์ตัดหน้ารถของ จำเลยที่ 1 ในระยะกระชั้นชิด เป็นการกระทำโดยประมาทฎีกาของจำเลยที่ 2 ที่ว่าจำเลยที่ 2 มิได้ขับรถจักรยานยนต์ตัดหน้ารถของจำเลยที่ 1 ในระยะกระชั้นชิด จึงไม่เป็นการกระทำ ด้วยความประมาทนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ที่ศาลชั้นต้น สั่งไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 2 นั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share