คำสั่งคำร้องที่ 1948/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ยื่นคำร้องฎีกาคำสั่ง ศาลชั้นต้นสั่งว่าคำสั่งศาลอุทธรณ์ถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 วรรคท้ายแล้ว คำร้องฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์จึงต้องห้ามฎีกาจึงมีคำสั่งไม่รับคำร้องฎีกาของโจทก์
โจทก์เห็นว่า คำร้องฎีกาคำสั่งของโจทก์มีเหตุผลเพียงพอที่ศาลจะมีคำสั่งให้โจทก์ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาได้ คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาและไม่รับคำร้องฎีกาคำสั่งของโจทก์จึงไม่ชอบ โปรดมีคำสั่งให้รับคำร้องฎีกาคำสั่งของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ทนายจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 67)
โจทก์ฟ้องและยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้ว เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องโดยมุ่งเรียกเอาที่ดินพิพาทเข้ากองมรดกของนางจำปี ชื่นแขก เพื่อประโยชน์แก่ทายาทโดยธรรมของนางจำปีทั้งปวงโดยโจทก์เป็นทายาทโดยธรรมผู้มีส่วนได้รับส่วนแบ่งมรดกอยู่ด้วย แต่ตามทางไต่สวนปรากฏว่ากองมรดกของนางจำปียังมีเงินพอที่จะเสียค่าขึ้นศาลคดีนี้ได้ รวมทั้งทายาทคนอื่นก็มีฐานะดี โจทก์จะอ้างว่าตัวโจทก์ในฐานะส่วนตัวเป็นผู้ยากจนไม่ได้จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้องของโจทก์
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้โจทก์ดำเนินคดีอย่างคนอนาถานั้นชอบแล้ว จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของโจทก์
โจทก์ยื่นคำร้องฎีกาคำสั่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำร้องฎีกาคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 62)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 64)

คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลชั้นต้น ไม่อนุญาตให้โจทก์ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา โจทก์จะอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกาอีกไม่ได้ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าคำสั่งศาลอุทธรณ์ถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคท้าย และไม่รับคำร้องฎีกาของโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share