คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1791/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาเช่าที่ดินเพื่อสร้างอาคารที่โจทก์ทำไว้กับเจ้ามรดกนั้น เมื่อเจ้ามรดกถึงแก่กรรม สิทธิและหน้าที่ตามสัญญาย่อมตกเป็นกองมรดกของเจ้ามรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1600 โจทก์ต้องฟ้องคดีเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องตามสัญญาเช่าสร้างอาคารดังกล่าวภายใน 1 ปี นับแต่เจ้ามรดกถึงแก่กรรม ตามมาตรา 1754
การที่จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกเคยฟ้อง บ. ผู้เช่าสร้างอาคารอีกรายหนึ่ง ไม่ให้เข้าไปทำการก่อสร้างในที่พิพาท และเคยเรียกโจทก์กับ บ. มาไกล่เกลี่ยเพื่อให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้สร้างอาคารในที่พิพาท ถือไม่ได้ว่า จำเลยหรือกองมรดกยอมรับรู้สิทธิของโจทก์ ตามสัญญาเช่าสร้างอาคาร อันจะเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของ น. ก่อนถึงแก่กรรม น. ได้มอบอำนาจให้ ช. ทำหนังสือสัญญาให้โจทก์เป็นผู้เช่าที่ดินเพื่อปลูกสร้างอาคารบนที่ดิน ของ น. โดยโจทก์ต้องให้ค่าตอบแทน แก่ น. ครั้นเมื่อโจทก์ลงมือก่อสร้าง ข.อ้างว่าโจทก์ผิดสัญญาและบอกเลิกสัญญากับโจทก์แล้วทำสัญญาให้ ย.เป็นผู้เช่าสร้างแทน โจทก์ได้รับความเสียหาย ต่อมา น. ถึงแก่กรรม ศาลมีคำสั่ง ตั้งให้จำเลยเป็นผู้จัดการมรดก จึงขอให้บังคับจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของ น.ให้โจทก์สร้างอาคารตามสัญญาต่อไป หรือมิฉะนั้น ก็ให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า คดีโจทก์ขาดอายุความ จำเลยไม่เคยรับรองให้โจทก์มีสิทธิก่อสร้างอาคารในที่พิพาท โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา ช. ได้บอกเลิกสัญญากับโจทก์แล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายใด ๆ จากผู้จัดการมรดก
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า คดีที่โจทก์ฟ้องไม่ใช่คดีมรดก ยังไม่ขาดอายุความ แต่โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ วินิจฉัยว่า คดีของโจทก์ขาดอายุความ พิพากษายืนในผลที่ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามสัญญาเช่าสร้างอาคารที่ ช.ในฐานะผู้รับมอบอำนาจจาก น. ทำไว้กับโจทก์นั้น น. มีทั้งสิทธิและหน้าที่ คือมีสิทธิที่จะได้รับค่าตอบแทนและมีหน้าที่ต้องให้โจทก์ทำสัญญาให้เช่าอาคารและเก็บผลประโยชน์ได้โดยลำพัง เมื่อ น. ถึงแก่กรรม สิทธิและหน้าที่ตามสัญญาเช่าสร้างอาคารจึงตกเป็นกองมรดกของเจ้ามรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๐๐ ซึ่ง โจทก์ต้องฟ้องคดีเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องตามสัญญาเช่าสร้างอาคารดังกล่าวภายใน ๑ ปี นับแต่เจ้ามรดกถึงแก่กรรม ตามมาตรา ๑๗๕๔
การที่จำเลยฟ้อง บ. ห้ามเข้าไปทำการก่อสร้างในที่พิพาท เป็นการแสดงว่ากองมรดกไม่ยอมรับรู้สิทธิตามสัญญาเช่าที่ ข.ทำไว้กับ บ. ถือไม่ได้ว่า จำเลยหรือกองมรดกยอมรับว่าโจทก์ และกองมรดกยังมีความผูกพันกันตามสัญญาเช่าสร้างอาคาร ทั้งที่การที่จำเลยเคยเรียกโจทก์กับ บ. มาไกล่เกลี่ยเพื่อให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้สร้างอาคารในที่พิพาท ถือไม่ได้ว่า จำเลยหรือกองมรดกยอมรับรู้สิทธิของโจทก์ ตามสัญญาเช่าสร้างอาคารเช่นกัน ฉะนั้น อายุความฟ้องคดีมรดกจึง ไม่สะดุดหยุดลง โจทก์ฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนด ๑ ปี นับแต่ น. เจ้ามรดกถึงแก่กรรม คดีของโจทก์จึงขาดอายุความฟ้องร้อง
พิพากษายืน

Share