คำสั่งคำร้องที่ 1940/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า แม้เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายแต่ก็ไม่เป็นสาระแก่คดี จึงไม่รับฎีกา คืนค่าขึ้นศาลทั้งหมด
จำเลยที่ 1 เห็นว่า ฎีกาที่ว่า เมื่อจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกจ้างจำเลยที่ 1 ไม่ได้กระทำผิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 1 นายจ้างไม่จำต้องรับผิดไปด้วยนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย อันเป็นสาระแก่คดี และได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาแล้วโดยชอบใน ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 2 โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของ จำเลยที่ 1ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้ศาลหมายเรียกนางสาวอรสาศิริมานพ เข้ามาเป็นจำเลยร่วมศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และจำเลยร่วมร่วมกันชำระเงินจำนวน 46,200 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ9.5 ต่อปี จากต้นเงินจำนวน 25,000 บาท นับแต่วันที่ 20 มีนาคม 2534 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2534 และจากต้นเงินจำนวน 21,200 บาท นับแต่วันที่ 23 มีนาคม 2534 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2534 กับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 9 ต่อปี จากต้นเงินจำนวน 46,200 บาท นับแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2534 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 119)
จำเลยที่ 1 จึงยื่นคำร้องนี้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าให้จำเลยที่ 1 นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายใน 15 วัน นับแต่วันนี้ (อันดับ 123)
ต่อมาเจ้าหน้าที่ศาลรายงานฉบับลงวันที่ 8 สิงหาคม 2537ว่า บัดนี้เวลาล่วงเลยมากว่า 15 วันแล้ว จำเลยที่ 1ยังไม่นำเงินมาชำระตามคำสั่งศาลแต่อย่างใด ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่ง ให้ส่งสำนวนมายังศาลฎีกา (อันดับ 126)

คำสั่ง
จำเลยที่ 1 ไม่นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกัน มาวางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ประกอบด้วยมาตรา 247 จึงให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกา ของจำเลยที่ 1

Share