แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 3 ได้นำเงินตามเช็คไปวางต่อสำนักงาน วางทรัพย์รวมทั้งดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี และได้แจ้ง ต่อเจ้าพนักงานขอสละสิทธิ์ถอนการวางทรัพย์ทั้งหมดไว้แล้ว ถือว่าคดีเลิกกัน โปรด งด การอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา จำหน่ายคดี ออกจากสารบบความ
หมายเหตุ ทนายโจทก์ทั้งสามได้รับสำเนาคำร้องแล้วในวัน นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาและแถลงคัดค้านปรากฏตามรายงาน กระบวนพิจารณา (อันดับ 80)
คดีทั้งสองสำนวนศาลชั้นต้นสั่งพิจารณาและพิพากษารวมกัน โดยให้เรียกโจทก์ในสำนวนแรกว่าโจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 1 ที่ 2 ในสำนวนหลังว่า โจทก์ที่ 2 โจทก์ที่ 3 ตามลำดับ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งสองสำนวน
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยที่ 3 มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497มาตรา 3 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ลงโทษจำคุกสำนวน ละ 1 ปี คำเบิกความของจำเลยที่ 3 เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีอย่างมากปรานีลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยที่ 3 สำนวนละ 8 เดือน ฯลฯ
จำเลยที่ 3 ฎีกา (อันดับ 71 แผ่นที่ 2)
ศาลฎีกาทำคำพิพากษาเสร็จส่งไปศาลชั้นต้นเพื่ออ่านให้คู่ความฟังก่อนอ่านจำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องขอให้งดการอ่าน(อันดับ 72) ศาลชั้นต้นนัดพร้อมเพื่อสอบถาม ถึงวันนัดผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ทั้งสามแถลงคัดค้านคำร้อง ของ จำเลยที่ 3 ศาลชั้นต้นสั่งให้รวบรวมถ้อยคำสำนวนส่งศาลฎีกาเพื่อพิจารณาต่อไป (อันดับ 75)
ศาลฎีกามีคำสั่งให้ยกคำร้อง (อันดับ 76)
ศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ก่อนอ่าน จำเลยที่ 3ยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 79) สำเนาให้ทนายโจทก์ทั้งสามทนายโจทก์ทั้งสามแถลงคัดค้าน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา โดยให้ส่งสำนวนและคำพิพากษากลับคืนศาลฎีกา เพื่อวินิจฉัยตามคำร้อง ของ จำเลยที่ 3 และคำคัดค้านของทนายโจทก์ (อันดับ 80)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า จำเลยที่ 3 ได้นำเงินตามเช็คทั้งสองสำนวนพร้อมด้วยดอกเบี้ยไปวาง ณ สำนักงานวางทรัพย์กลางเพื่อประโยชน์แก่โจทก์ทั้งสามผู้เป็นเจ้าหนี้ โดยอ้างว่าโจทก์ทั้งสามบอกปัดไม่ยอมรับชำระหนี้ และจำเลยที่ 3 ได้แสดงต่อสำนักงานวางทรัพย์กลางว่าตนยอมสละสิทธิที่จะถอนโจทก์ทั้งสาม คัดค้านเพียงว่า ศาลฎีกาเคยมีคำสั่งว่าหนี้ตามเช็คยังไม่สิ้นผล ผูกพันโดยเด็ดขาด คดีจึงยังไม่เลิกกันโดยมิได้โต้แย้งการ วางทรัพย์ดังกล่าว คดีจึงฟังได้ว่า จำเลยที่ 3 ได้วางทรัพย์ อันเป็นวัตถุแห่งหนี้ไว้เพื่อประโยชน์แก่โจทก์ทั้งสามผู้เป็น เจ้าหนี้แล้ว จำเลยที่ 3 ย่อมหลุดพ้นจากหนี้ตามเช็คนั้นตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 331 อันเป็นหนี้ที่ได้สิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด ถือว่าคดีเลิกกันตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 7 สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับ ให้จำหน่ายคดี